ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'สุภณ จิรัตน์ฐิกุล' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเวียงสระ สุราษฎร์ธานี เรียก รับ เงิน ผู้รับจ้างก่อสร้างปรับปรุงทางเท้ารางระบายน้ำ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมิชอบ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน หลังจากศาลชั้นต้นให้รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสุภณ จิรัตน์ฐิกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียก รับ เงิน จากผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างปรับปรุงทางเท้าและรางระบายน้ำ ถนนวิภาวดีรังสิต (สุขาภิบาล 1) โดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 149 , 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญูว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2554 มาตรา 103 ประกอบมาตรา 103/1 และมาตรา 122 และมาตรา123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กรกฏาคม 2567 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
หลังจากก่อนหน้านี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาว่า นายสุภณ จิรัตน์ฐิกุล จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (เดิม) ให้จำคุก 5 ปีและปรับ 30,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชนแ์ก่การพิจารณา คดีมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 20,000 บาท
เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยบรรเทาผลร้ายโดยชดใช้ค่าเสียหายจนครบถ้วน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็น พลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฏีกาคำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต