ก่อนเป็นข่าวใหญ่! เปิดผลสอบ สตง. คดีทุจริตจ้างซ่อมรถโดยสารเท็จ สำนักวัฒนธรรมฯ กทม.เสียหายกว่า 2.8 ล้าน พบดำเนินการเท็จทุกขั้นตอน ไม่มีการกำหนดทีโออาร์/ราคากลาง /เจรจาเอกชน/จ้างซ่อม ไม่จริง - แจ้งผู้ว่าฯ ลงโทษวินัย เรียกชดใช้ค่าเสียหายด้วย
จากกรณีปรากฏข่าวเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร 7 ราย จัดจ้างซ่อมรถโดยสารเป็นเท็จ มูลค่าความเสียหาย 2,790,928 บาท
ในจำนวนนี้ มี 5 คน ที่ถูกออกหมายจับ ส่วนอีก 2 คน เข้ามอบตัว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการ โดยจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
- 3 ป.สอบคดีทุจริต จ้างซ่อมรถโดยสาร สำนักวัฒนธรรมฯ กทม.เสียหาย 2 ล.-7 ผู้ต้องหามอบตัวแล้ว
- ปปป.แจงคืบหน้าสอบ 7 ผู้ต้องหาคดีทุจริตใบเสนอราคาซ่อมรถบัส พบทั้งหมดยังปฏิเสธข้อกล่าวหา
ล่าสุด แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า คดีนี้ สตง.ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 45 – 50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน ในหน่วยงานราชการ สังกัด กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จึงดำเนินการตรวจสอบเอกสาร พบว่า มีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าวในห้วงระหว่างปี พ.ศ. 2565 – 2566 โดยไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริง จำนวน 11 ครั้ง โดยมีกลุ่มของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุขออนุมัติจ้างซ่อม และทำการปลอมใบเสนอราคาของบริษัทซ่อมรถ ทั้ง 5 คัน เพื่อจัดทำเอกสาร ใบเสนอราคากลางในการจ้างซ่อม แล้วดำเนินการอนุมัติงบประมาณ
ต่อมา สตง. ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการ และรวมการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า ในห้วงระหว่างปี พ.ศ. 2565 – 2567 มีการจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว โดยที่ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงอีก จำนวน 12 ครั้ง และกรุงเทพมหานครได้ตรวจพบการกระทำลักษณะเดียวกันอีก จำนวน 5 ครั้ง รวมจำนวนเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาทำการเบิกจ่ายค่าซ่อมรถ โดยไม่มีการซ่อมจริง 28 ครั้ง หรือจำนวน 28 ฎีกาของการเบิกจ่ายงบประมาณ เป็นเงินที่มีการทุจริตทั้งสิ้น 2,790,928 บาท
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สตง. ยังได้แจ้งผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร ดำเนินการกำกับดูแลมิให้มีข้อบกพร่องขึ้นอีก และยังได้แจ้งให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้อง รวพร้อมให้ดำเนินการเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายด้วย รวมถึงแจ้ง ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ในการตรวจสอบคดีนี้ ของ สตง. พบพฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้เกี่ยวข้อง ในทุกขั้นตอน คือ
1. ไม่ได้มีการกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะและราคากลางงานจ้างจริง
2. ไม่มีการเจรจาตกลงราคากับผู้ประกอบการซ่อมรถโดยสารปรับอากาศขนาดจริง
3. ไม่มีการจ้างซ่อมรถตามข้อตกลงที่กำหนดในใบสั่งจ้างจริง
โดยพฤติการณ์ทั้งหมดถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำส่งเงิน และการตรวจเงิน พ.ศ. 2555 ข้อ 11 และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 42 และยังเข้าข่ายเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่หรือเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 120 รวมทั้ง มีลักษณะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12