"...ภายหลังจากที่ไปซื้อซองประกวดราคางานแล้ว ได้รับโทรศัพท์ติดต่อจากบุคคลกลุ่มหนึ่ง ว่า ขอโครงการฯ นี้ โดยอ้างว่า "บ้านใหญ่ต้องการงาน" แต่ผู้รับเหมารายนี้ ไม่ยอม และแกล้งตอบกลับไปว่า ยังไม่ได้เข้าดำเนินการซื้อซองการประกวดราคางานโครงการฯ นี้ ที่ใช้ระบบประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) แต่อย่างใด อีกฝ่ายแจ้งกลับว่า "รู้ข้อมูลหมดแล้ว ว่า ใครเข้าซื้อซองราคาบ้าง..."
ประเด็นตรวจสอบกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดย ร้อยตำรวจเอกสุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 4 เป้าหมาย ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริง การฮั้วประมูลประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ต่าง ๆ ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน วงเงินงบประมาณรวม 67,709,000 บาท หลังพบพฤติการณ์กลุ่มนิติบุคคลในขบวนการที่เป็นผู้ชนะการเสนอราคา สามารถทราบข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของผู้ซื้อเอกสารประกวดราคา ผู้ยื่นเสนอราคาเกือบทุกราย และมีการติดต่อให้สมยอมราคา ถ้าไม่เข้าร่วมสมยอมราคา กลุ่มนิติบุคลในเครือข่ายก็สามารถชนะการประกวดราคาได้ โดยจะเสนอราคาเป็นรายสุดท้าย และ ต่ำกว่ารายที่เสนอราคาต่ำสุดเพียงเล็กน้อย
เบื้องต้น ดีเอสไอ ยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายชื่อเอกชนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้เป็นทางการ
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ขยายผลการตรวจสอบพบไปแล้วว่า ในช่วงปี 2562-2564 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จ้างเอกชนรับเหมาก่อสร้างที่ทำการไปรษณีย์และปรับปรุงอาคารเป็นที่ทำการ ประมาณ 140 แห่ง วงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท จำแนกเป็น ปีงบประมาณ 2562 ประมาณ 50 แห่ง วงเงินประมาณ 950 ล้านบาท ปี 2563 ประมาณ 70 แห่ง วงเงิน 900 ล้านบาท ปี 2564 ประมาณ 20 แห่ง วงเงิน 380 ล้านบาท
โฟกัสเฉพาะ จ.บุรีรัมย์ ในช่วงปี 2562 จ้างเอกชนรับเหมาก่อสร้างที่ทำการไปรษณีย์และปรับปรุงอาคารเป็นที่ทำการ 3 แห่ง วงเงินประมาณ 33.9 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการ มีเอกชน 2 ราย เป็นผู้ชนะ หนึ่งรายเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดจดทะเบียนจัดตั้งใน จ.สุรินทร์
น่าสังเกตว่า โครงการจ้างก่อสร้างที่ทำการไปรษณีย์ละหานทราย และ โครงการจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์หนองกี่ ราคาที่เอกชนเป็นผู้ชนะและเข้าทำสัญญากับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ห่างจากราคากลางไม่มากนัก
ส่วนข้อมูลในปีงบประมาณ 2563 และ 2564 ไม่มีการประกวดราคาจ้างรับเหมาก่อสร้างที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ แต่มีการว่าประกวดราคาจ้างก่อสร้างที่ทำการไปรษณีย์ในจังหวัดใกล้เคียง อาทิ นครราชสีมา สุรินทร์ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ซึ่งเอกชนที่เป็นผู้ชนะในจ.บุรีรัมย์ 2โครงการ เป็นผู้ชนะอีกอย่างน้อย 4 แห่งในจังหวัด นครราชสีมา ร้อยเอ็ด
- พบเงินบัญชีหมุนเวียน 200 ล.! DSI ตรวจค้นเครือข่ายจัดฮั้วประมูลที่ทำการ ปณ. 3 จว.อีสาน
- เจาะรับเหมาที่ทำการไปรษณีย์พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ 3 แห่ง 33.9 ล. รายเดียวรวบ 2 สัญญา
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับการสืบสวนข้อเท็จจริงคดีนี้ของ ดีเอสไอ เป็นทางการ ว่า มีจุดเริ่มต้นจากการได้รับข้อร้องเรียนของผู้รับเหมาหนึ่ง ที่เข้าร่วมการแข่งขันเสนอจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่จังหวัดหนึ่งภาคอีสาน ว่า ภายหลังจากที่ไปซื้อซองประกวดราคางานแล้ว ได้รับโทรศัพท์ติดต่อจากบุคคลกลุ่มหนึ่ง ว่า ขอโครงการฯ นี้
โดยอ้างว่า "บ้านใหญ่ต้องการงาน"
แต่ผู้รับเหมารายนี้ ไม่ยอม และแกล้งตอบกลับไปว่า ยังไม่ได้เข้าดำเนินการซื้อซองการประกวดราคางานโครงการฯ นี้ ที่ใช้ระบบประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) แต่อย่างใด
อีกฝ่ายแจ้งกลับว่า "รู้ข้อมูลหมดแล้ว ว่า ใครเข้าซื้อซองราคาบ้าง"
หลังจากนั้นผู้รับเหมารายนี้ ก็เข้าร่วมแข่งขันเสนอราคาตามขั้นตอนปกติ แต่ปรากฏว่า พ่ายแพ้ไป เอกชนที่ชนะเสนอราคาต่ำกว่าประมาณสองหมื่นบาท
ซึ่งการพ่ายแพ้งานในราคาหลักหมื่นดังกล่าว ในการประกวดราคาที่ใช้ระบบประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ถือเป็นเรื่องที่ผิดสังเกตอย่างมาก และน่าเชื่อว่าจะมีการขายข้อมูลการประกวดราคางานโครงการฯ นี้กัน
เพราะประเด็นเรื่องการขายข้อมูลประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) นั้น ในแวดวงผู้รับเหมามีข่าวมาตลอดว่า มีกระบวนการขายข้อมูล แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ข้อมูลคนที่เข้ามาซื้อซอง และข้อมูลการยื่นซองเสนอราคา ซึ่งข้อมูลส่วนหลังจะมีราคาสูงกว่า
จึงนำความเรื่องนี้ เข้ามาร้องเรียนกับดีเอสไอให้ตรวจสอบเป็นทางการ
@ ดีเอสไอ แกะรอยโทรศัพท์ขยายผล
ในการส่วนการดำเนินงานสอบสวนของดีเอสไอนั้น ภายหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน ได้เริ่มขยายผลการตรวจสอบ แกะรอยจากเบอร์โทรศัพท์ ที่ติดต่อเข้ามาหา ผู้รับเหมา ที่เข้ามาร้องเรียน จนได้ข้อมูลบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกกันว่า "ผู้จัดฮั้ว" จึงเข้าทำการตรวจสอบจนพบผู้ชายรายหนึ่ง กับภรรยาน้อย เมื่อทำการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ก็พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาทในบัญชี
ก่อนจะขยายผลไปยังกลุ่มเอกชนที่เกี่ยวข้อง และเข้าทำการตรวจค้น ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
สำหรับข้อมูลเอกชนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ จะมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเอกชนที่ชนะการประกวดราคา และกลุ่มเอกชนที่ปรากฎชื่อเข้ามาเป็นคู่เทียบในการเสนอราคางาน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันและจะสลับหมุนเวียนกันเข้ามาเสนอราคาแข่งขันงานกัน
ส่วนโครงการก่อสร้างที่ทำการไปรษณีย์ ที่อยู่ในเป้าหมายการตรวจสอบของดีเอสไอ ปัจจุบันมีอยู่ 5 โครงการ แยกเป็น 3 โครงการ ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ , 1 โครงการในพื้นที่ร้อยเอ็ด และอีก 1 โครงการในพื้นที่อุบลราชธานี
@ ดีเอสไอขยายผลทั่วปท.
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากดีเอสไอ ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า นอกจากการตรวจสอบข้อมูล 5 โครงการ ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี แล้ว ดีเอสไอ จะมีการขยายผลการตรวจสอบไปยังงานโครงการในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศด้วย
เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็จะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไปดำเนินการต่อ แต่ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง มีแค่เอกชนเท่านั้น ทางดีเอสไอ ก็จะสรุปสำนวนส่งให้อัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลที่เกี่ยวข้องต่อไป
"เกี่ยวกับประเด็นการซื้อขายข้อมูลประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เบื้องต้น ดีเอสไอ ได้มีการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางแล้ว ได้รับการยืนยันว่า ไม่มีการซื้อขายข้อมูลแต่อย่างใด ระบบที่วางไว้มีการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลอย่างแน่นหนา การตรวจสอบขณะนี้จึงคงต้องมุ่งไปที่ผู้เกี่ยวข้องในส่วนของเอกชนเป็นหลักก่อน"
"ส่วนข้อมูลเรื่อง บ้านใหญ่ ที่ถูกอ้างว่าเป็นผู้ของาน ก็คงจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกกันต่อไป" แหล่งข่าวระดับสูงจากดีเอสไอระบุ
ทั้งหมดนี่ เป็นข้อมูลลับเบื้องหลังการสืบสวนคดีฮั้วประมูลประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ต่าง ๆ ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบล่าสุดในขณะนี้
ชี้ให้เห็นว่า คดีฮั้วประมูลประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์ ไม่ใช่คดีทุจริตเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นแค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในประเทศไทย
หากแต่เป็นขบวนการทุจริตขนาดใหญ่ ที่มีตัวละครสำคัญเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก
ซึ่งสำนักข่าวอิศรา จะมีการแกะรอยข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป