"...ท่านนายพล ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เนื่องจากว่ามีนายทหารที่มียศต่ำกว่า เป็นลูกน้องได้พาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแพดดี้ฯมาหา เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกฝั่งของนายซิสกินอุ้มไป ซึ่งทางด้านของนายพลก็เลยไปไกล่เกลี่ยว่าการอุ้มกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ถ้าหากมีเรื่องอะไรก็ให้ไปฟ้องร้องกันตามกระบวนการยุติธรรมจะดีกว่า..."
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการขยายผลตรวจสอบ กรณี สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ออกมาตีแผ่ประเด็นข่าวการตรวจพบถุงมือแพทย์ที่สกปรกและผ่านการใช้แล้วนำเข้าจากประเทศไทยมายังสหรัฐอเมริกา เป็นจำนวน 10 ล้านชิ้น โดยมีการระบุข้อมูลสินค้าว่า จัดซื้อมาจากบริษัทในไทยที่มีชื่อว่า Paddy the Room ซึ่งปัจจุบันทางการไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก พร้อมสั่งดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว
ขณะที่ นายลูอิส ซิสกิน (Louis Ziskin) นักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่อ้างว่าถูกหลอกลวงเงินไปเป็นจำนวนกว่า 85 ล้านบาท ออกมาแสดงจุดยืนเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง
- CNN ตีข่าวถุงมือยางฉาวรอบ 2 นักธุรกิจสหรัฐฯ จี้ รบ.ไทย เปิดโปงขบวนการจริงจังระดับสูงสุด
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา สืบค้นฐานข้อมูลออนไลน์ พบว่า นายซิสกิน เคยให้สัมภาษณ์กับรายการพอดแคสต์แห่งหนึ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดโปงขบวนการขายถุงมือยางที่ไม่ได้มาตรฐานในประเทศไทย โดยกล่าวอ้างว่า มีนายทหารยศสูงของไทย 2 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกขายถุงมือยางที่ไม่ได้มาตรฐาน ของ Paddy the Room ที่กระทำความผิดในเรื่องนี้
นายซิสกิน ระบุว่า กรณีการซื้อขายชุดป้องกันการติดเชื้อหรือชุดพีพีอีนั้น ต้องยอมรับว่าไม่มีมาตรการหรือกฎเกณฑ์ในการกำกับดูแล ซึ่งกรณีนี้ส่งผลทำให้ผู้กระจายสินค้าซึ่งมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง และมีการละเมิดสัญญานั้นไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย ทั้งในประเทศไทยและไต้หวัน และการไม่มีระบบดังกล่าว ทำให้มีคนอย่าง Emily Hsu,ยูชิน เหวิน หรือ นายวินเซนต์ ซึ่งเป็นคนที่กล่าวหาเขาว่า มีพฤติกรรมในการอุ้ม,นายเท็ด แวน,นายเดวิด ลินซ์,นายลุก เฟย หยาง ผู้บริหารบริษัทแพดดี้ เดอะรูม
"บุคคลกลุ่มนี้มีการส่งชุดพีพีอีไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงเวลาที่ประเทศสหรัฐฯ มีความต้องการสิ่งของเหล่านี้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าหลายประเทศก็ทำแบบนี้ แต่ทว่าคนกลุ่มนี้นั้นกลับไปไกลยิ่งกว่านั้น เพราะว่าพวกเขาได้ใช้ขยะทางการแพทย์ หรือสิ่งที่เป็นถุงมือที่ใช้ในทางการแพทย์ที่ถูกใส่แล้วถอดออกแล้ว ซึ่งนั่นก็คือขยะทางการแพทย์ไปบรรจุอยู่ในกล่องเพื่อบอกว่าคุณได้มีการส่งอะไรสักอย่างไป"
"แต่ระดับที่เหนือกว่านั้นก็คือกระบวนการย้อมสี และล้างเพื่อทำให้ถุงมือนั้นดูใหม่ ซึ่งกรณีการฉ้อโกงที่เจอนั้นก็คือว่าลูกค้าของเขาซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์และต้องรับมือกับโรคระบาดนั้นจะต้องซื้อถุงมือเหล่านี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เป็นพิษ ถือว่าเป็นการก่อการร้ายทางการแพทย์"
นายซิสกิน กล่าวยอมรับว่า "เขาเป็นคนโง่ที่ส่งเงินไปประมาณกว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (99,015,000 บาท) แล้วก็ถูกปล้นไปเลย ซึ่งคนที่ทำเรื่องแบบนี้ถือว่าสร้างผลกระทบในเชิงแง่ลบให้กับทุกคนที่ต้องมาสัมผัสกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้"
ทั้งนี้ ในระหว่างการสัมภาษณ์ พิธีกรได้สอบถามนายซิสกินว่า ตัวนายซิสกินนั้นถือว่าเป็นคนกลาง มีหน้าที่ต้องตรวจสอบวัตถุดิบว่ามันถูกต้อง และเป็นคนที่ทำหน้าที่เจรจาข้อตกลงใช่หรือไม่
นายซิสกิน ตอบว่า "ใช่.. เรามีทุกกล่อง และตอนนี้ทางด้านกระทรวงความมั่นคงมาตภูมิสหรัฐฯ หรือ DHSS ได้มายึดกล่องเหล่านี้ไปแล้วและดำเนินการสืบสวนในฝั่งจากสหรัฐฯแล้ว"
นายลูอิส ซิสกิน ให้สัมภาษณ์กับพอดแคสต์
นายซิสกิน กล่าวย้ำด้วยว่า นี่ไม่ใช่การโอนเงินเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่นี่เป็นเสมือนกันการผูกขาดของอดีตนายพลรายหนึ่งและนายทหารอีกคนหนึ่งจากกองทัพไทยที่ดำเนินการปกป้องกลุ่มชาวต่างชาติที่กระทำความผิด และก็ไม่ได้ให้ผลประโยชน์ต่อประเทศไทยแต่อย่างใด
"พวกเขา (กลุ่มชาวต่างชาติ) เอาเงินออกไป และทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงในตลาดเสรี ทำให้ผู้ลงทุนจากสหรัฐฯและจากประเทศตะวันตกนั้นหมดกำลังใจเพราะรู้ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ และคนเดียวที่ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ก็คือ นายทหารรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าถุงมือยางยี่ห้อหนึ่ง ที่โกหกทุกคน เพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เข้าใจว่า นายทหารรายนี้ คงไม่ได้คิดว่าลูกค้าของทุกคนจะมีการหารือพูดคุยกัน"
"พวกเรากลุ่มลูกค้ามีการพูดคุยกัน ซึ่งตัวผมไม่เคยไปเจรจากับทางเจ้าของสินค้าถุงมือยางด้วยตัวเอง แต่ก็เคยมีการไปพูดคุยกับลูกค้าของเขาจำนวน 40 กว่าราย ซึ่งแผนที่เราร่วมกัน (กับลูกค้าคนอื่น)ในประเทศไทยเหมือนกับที่เจอกับกรณีของคนอื่นๆที่คล้ายกัน ก็คือว่าเขาอยู่ในประเทศไทย เขาพูดโกหกได้ ก็ปล่อยให้พวกเขาพูดโกหกไป แล้วเราจะฝังพวกเขาด้วยความจริงอีกทีหนึ่ง"
“ถ้าหากเราดูที่บันทึกการนำเข้าและส่งออกจะพบว่าประเทศไทยนั้นมีการส่งออกถุงมือไนไตรไปยังประเทศสหรัฐฯมากกว่าที่พวกเขาสามารถจะผลิตโดยหลายโรงงานได้ด้วยซ้ำ ซึ่งในกรณีนี้นั้นไม่ใช่แค่การโอนเงินของผมเพียงอย่างเดียว” นายซิสกินกล่าว
พร้อมระบุว่า ที่ประเทศสหรัฐฯ นั้นมีการผ่อนปรนเรื่องเกี่ยวกับกติกาการนำเข้าสินค้าบางประการ ซึ่งถ้าหากเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักประมาณ 5,000-10,000 กิโลกรัม เป็นถุงมือไนไตร ก็ให้มีการสำแดงว่าเป็นถุงมือและส่งมาเลย โดยเรื่องเหล่านี้นั้นก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วตอนที่สหรัฐฯได้มีการอนุญาตให้นำเข้าหน้ากากอนามัยจากประเทศจีนในช่วงต้นของการระบาดหรือก็คือว่าภาษีเป็นศูนย์นั่นเอง
นายซิสกิน ยังได้กล่าวย้ำว่า เขาได้รู้จักกับผู้หญิงชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งซึ่งมีข้อร้องเรียนต่อ นายทหารรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าถุงมือยางยี่ห้อหนึ่ง และพอเรื่องเหล่านี้แดงออกมา ก็มีรายงานว่า นายทหารรายนี้ ได้มีการเจรจากับผู้หญิงคนดังกล่าวเพื่อให้เงียบเอาไว้ ซึ่งเขา ไม่รู้ว่าพวกเราได้คุยกับลูกค้าอีก 40 กว่าคน เขาไม่รู้ว่าการสืบสวนดังกล่าวนี้ลึกลงไปมากแค่ไหน "
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายซิสกิน ยังได้ระบุชื่อนายพลอีกคนหนึ่งที่เกษียณไปแล้ว ระบุว่า นายพลคนนี้อาศัยอยู่ที่ จ.ลพบุรี และแท้จริงแล้วบริษัทแพดดี้ฯก็อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขา
“ถ้าหากถามผมว่า ผมพิสูจน์ได้อย่างไรในเรื่องนี้ ผมต้องบอกเลยว่าผมมีพิกัดจีพีเอสจากโทรศัพท์ของบริษัทแพดดี้ฯ ซึ่งแสดงให้เห็นเลยว่าพวกเขา (บริษัทแพดดี้ฯ) อาศัยอยู่ที่นั่นกับนายพลคนนั้น” นายซิสกินกล่าว
เมื่อพิธีกรได้ถามย้ำนายซิสกินว่า เข้ามาเกี่ยวข้องในประเทศไทยได้อย่างไร นายซิสกิน ตอบว่า ตัวเขานั้นได้ตู้คอนเทนเนอร์ตู้แรกที่บรรจุสินค้าที่ไม่ดี หลังจากที่เปิดกล่องถุงมือที่ถูกส่งมาถึงนครลอส แองเจลิส เขาก็เคยติดต่อไปยังบริษัทที่ดำเนินการขนส่งซึ่งก็คือ Emily Hsu ซึ่งก็คือบริษัทไต้หวัน ,นายเท็ด แวน,เดวิด ลิน แล้วก็วินเซนต์ ก็ได้คำตอบกลับมาประมาณว่าคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับถุงมือเลย อย่าเป็นห่วง ตู้คอนเทนเนอร์ที่สองนั้นจะดีขึ้น มันมีความผิดพลาดเกิดขึ้น แต่นั่นคือถุงมือจริง ๆ ซึ่งตัวเขาเองก็ได้จ่ายเงินไปแล้ว
"การส่งถุงมือมาให้นั้น ปรากฏว่าถุงมือที่เขาได้รับเป็นถุงมือลาเท็กซ์ที่ถูกย้อมสี ซึ่งมันถือว่าเป็นขยะทางการแพทย์แทนที่จะเป็นถุงมือแบบไนไตร"
ถุงมือที่ปรากฎว่ามีปัญหา
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ภายหลังรับทราบคำให้สัมภาษณ์ของนายลูอิส ซิสกิน จากรายการพอดแคสต์แล้ว ได้พยายามไปสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับนายทหารระดับสูงที่ถูกระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จำนวน 2 ราย คือ
1. นายทหารรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าถุงมือยางยี่ห้อหนึ่ง พบว่า เป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนี้
2. อดีตนายพลที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว พบว่า เพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการติดต่อไปยังบุคคลใกล้ชิดกับนายพลเกษียณอายุราชการคนดังกล่าว ได้รับการยืนยันว่า อดีตนายพล รายนี้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เฉพาะเรื่องการเข้าไปให้ความคุ้มครองผู้เกี่ยวข้องกับ บริษัทแพดดี้ฯ ไม่ให้ถูกอุ้มเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องเรื่องการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด
"ท่านนายพล ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เนื่องจากว่ามีนายทหารที่มียศต่ำกว่า เป็นลูกน้องได้พาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแพดดี้ฯมาหา เพื่อขอความช่วยเหลือจากนายพล เนื่องจากถูกฝั่งของนายซิสกินอุ้มไป ซึ่งทางด้านของนายพลก็เลยไปไกล่เกลี่ยว่าการอุ้มกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ถ้าหากมีเรื่องอะไรก็ให้ไปฟ้องร้องกันตามกระบวนการยุติธรรมจะดีกว่า"
บุคคลผู้ใกล้ชิดกับอดีตนายพลรายนี้ ยังได้ยืนยันกับสำนักข่าวอิศราว่า "ท่านนายพลไม่มีส่วนรู้จักกับทางบริษัทแพดดี้ฯอย่างแน่นอน แค่มีคนพามา และก็ไม่มีบ้านอยู่ที่ จ.ลพบุรีแต่อย่างใด"
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำหรับคดีอุ้มเจ้าของ บริษัทแพดดี้ฯ นั้น เคยปรากฏเป็นข่าวในประเทศไทยเมื่อช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา เมื่อทางตำรวจกองปราบปราบ จับกุมนายเจเรมี่ แมนเชสเตอร์ กับ นายลูอิส ซิสกิน ทั้งคู่สัญชาติอเมริกา อดีตทหารนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา และ นายเอกบดินทร์ ประสิทธิ์นฤทธิ์ ผู้ต้องหาก่อเหตุอุ้มนายเวน ยู ซุง ผู้เสียหายชาวไต้หวัน ไปเรียกค่าไถ่ เป็นเงินกว่า 90 ล้านบาท สาเหตุมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจซื้อถุงมือยางทางการแพทย์ โดยมีผู้กระทำความผิดในคดีนี้ทั้งหมด จำนวน 16 คน เป็นคนไทย 10 คน ชาวต่างชาติ 6 คน จับกุมได้แล้ว 9 ราย แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย คนไทย 7 คน โดยผู้ต้องหาคนไทยที่ถูกจับกุมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 3 นาย (อ้างอิงข่าวส่วนนี้จากเดลินิวส์)
ขณะที่ น.อ.คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองเศรษฐกิจพอเพียง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายถุงมือยางยี่ห้อ SKYMED เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เตรียมดำเนินการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย จากบริษัทแพดดี้ฯ อดีตบริษัทตัวแทนจำหน่าย มูลค่า 50 ล้านล้านบาท เนื่องจากได้สร้างความเสียหาย โดยการนำสัญญาการซื้อขายกับทาง SKYMED กว่า 2 หมื่นล้านกล่อง ไปแอบอ้างจำหน่ายถุงมือยางที่ใช้แล้วตามที่ปรากฏเป็นข่าวดังระดับโลก พร้อมยืนยันว่าทาง SKYMED ไม่ได้ทำเช่นนั้นแน่นอน
อ่านข่าวประกอบ :
- 1 ล้านกก.! หลักฐานใหม่ บ.แพดดี้ ส่งถุงมือยางไปสหรัฐฯ อ้างไทยแต่ใช้ท่าเรือตปท.เพียบ
- มากกว่า 3.3 หมื่นกล่อง! อิศรา คุ้ยเจอหลักฐานอีก 5 รายการ บ.แพดดี้ฯ ส่งถุงมือไปสหรัฐฯ
- เบี้ยวนัดอัยการ! ตร.ขอหมายจับเจ้าของ แพดดี้ เดอะรูม ฉ้อโกงขายถุงมือยาง-มีค้างอีก 14 คดี
- เปิดหลักฐาน 'แพดดี้ เดอะรูม' ส่งถุงมือเข้าสหรัฐฯ 6 พันกล่อง ก่อน CNN ตีข่าวของใช้แล้ว
- ตามไปดู บ.แพดดี้ เดอะรูม คดีส่งออกถุงมือยางใช้แล้วไปสหรัฐฯ เช่าพื้นที่ในห้างเป็น สนง.
- CNN ตีแผ่ถุงมือยางใช้แล้ว ส่งออกจากไทยเข้าสหรัฐฯหลายสิบล้านชิ้น
- เปิดตัว 2 เอกชนไทย CNN ตีแผ่คดีส่งออกถุงมือยางใช้แล้ว- SkyMed แจงถูกแอบอ้างชื่อสินค้า
- 'จุรินทร์'เร่งสอบถุงมือยางใช้แล้วส่งออกสหรัฐฯ ยันถ้าอยู่ในอำนาจจะจัดการให้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/