"...วินาทีที่ถูกยิง ผมก็คิดในใจว่าพลาดแล้ว ขอให้เป็นแค่ความฝัน ขอให้เหตุการณ์ในครั้งนี้มันผ่านพ้นไปด้วยดี ขอให้ไม่มีอะไรเลย ผมก็คิดในใจ และก็ขอให้ปลอดภัย ท่อง พุทโธ พุทโธ พุทโธ ไว้ในใจและตั้งสตินิ่งๆ ไว้ครับ รู้ทุกอย่างว่าผมเนี่ยเลือดออกเยอะนะ มีคนปฐมพยาบาล และก็มีคนมาโบกมือให้กำลังใจ สู้ๆนะ สู้ๆนะ ผมก็ได้ยินตลอดเวลาครับ รับฟังข้อมูลอยู่ แต่ก็นิ่งอยู่..."
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สะเทือนขวัญคนในจังหวัดนครปฐม!
กรณี นายสุคนธ์ ศรีสำราญ นักธุรกิจธุรกิจรับถมดินและสนามฟุตซอล ทริปเปิ้ลเอส คนใกล้ชิด นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ (เสี่ยหนึ่ง) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม (อบจ.นครปฐม) ที่ขณะนั้นมีแผนจะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ได้ถูกมือปืนลอบยิงบาดเจ็บสาหัสที่บ้านพักซึ่งเป็นสนามกีฬาฟุตซอล ในช่วงหัวค่ำเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา
ในช่วงเกิดเหตุ มีข่าวระบุว่า มือปืนซุ่มยิงจากที่มืดห่างจากบ้านที่เกิดเหตุมากกว่า 50 เมตร ขณะที่อาการของนายสุคนธ์กระสุนโดนบริเวณลำคอ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกด้วย
ส่วนความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายนั้น เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม (ผบก.ภ.จว.นครปฐม) ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงความคืบหน้าการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ว่า กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์หาตัวผู้กระทำความผิด หลังจากที่สืบสวนพบเบาะแสเกี่ยวกับกลุ่มผู้กระทำความผิดได้แล้วก่อนหน้านี้ คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในการตรวจสอบพยานหลักฐาน ถ้าหากมีความชัดเจนระบุตัวผู้กระทำความผิดได้แล้ว จะยื่นเรื่องขอศาลออกหมายจับทันที
แต่ปัจจุบันยังไม่ปรากฏข่าวยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้วหรือไม่?
ณ วันนี้ วันเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือนเศษ นับตั้งแต่เกิดเหตุลอบยิงครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2564 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา มีโอกาส พูดคุยกับ นายสุคนธ์ ศรีสำราญ เพื่อบอกเล่าถึงประสบการณ์เฉียดตาย วินาทีคมกระสุนวิ่งผ่านอากาศพุ่งตรงมาฝังอยู่ในบริเวณลำคอ และมุมมองต่อการเมืองท้องถิ่นในเวทีจังหวัดนครปฐมว่า ทำไมต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรงถึงขั้นปองร้ายลอบสังหารเอาชีวิตกันแบบนี้ด้วย
ปรากฎรายละเอียดทั้งหมด นับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป
@ สุคนธ์ ศรีสำราญ
@ที่ผ่านมา มีสัญญาณบอกเหตุอะไรมาก่อนหรือไม่ว่าจะมีการลอบทำร้ายเกิดขึ้น
"ไม่มีสัญญาณเลย คือที่ผ่านมาเราไม่ได้รับรู้มาก่อนเลยว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เพราะผมไม่มีศัตรูที่ไหน ผมไม่ระวังตัว และไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น แต่พอรู้สึกว่าโดน ก็ว่าพลาดแล้วที่ไม่ระวังตัว"
นายสุคนธ์ เอ่ยปากบอกกับสำนักข่าวอิศรา หลังย้อนรำลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ร้ายในวันนี้
ก่อนจะลำดับเหตการณ์ต่อว่า "วันนั้นนั่งคุยกับน้องอยู่ ที่จริงมันยืนคุยก่อน ยืนคุยสักพักหนึ่ง สัก 15 นาที 20 นาทีได้ ฝนก็ลงเม็ดโปรยๆ พอลงเม็ดโปรยๆ น้องผมก็กลัวจะเปียกกลัวไม่สบายก็ชวนนั่งตรงหน้าออฟฟิศ นั่งสัก15 นาที ไม่เกินนี้หรอก ก็เลยโดนยิงเลยครับ"
เมื่อถามว่า ทำไมวันนั้นถึงได้ไปอยู่ตรงนั้นได้
นายสุคนธ์ ตอบว่า "พอดีผมก็คุยกับน้องนั้นแหละ พอดีน้องเขาเล่นบอลกันอยู่ ผมก็ไม่ได้ระวังตัว ไม่ได้อะไร ก็นั่งคุยกันปกติกันอยู่แล้วครับ เพราะว่า ตรงนั้นมันเป็นที่นั่ง ในบริเวณบ้านเรามันไม่ได้มีอะไร ในเขตสนามฟุตบอลผม ไม่มีเหตุอะไรอยู่แล้ว ไม่ได้ระวังตัว เลยนั่งตรงนั้น "
@ ตอนที่โดนคมกระสุน คิดอะไรอยู่ นึกถึงอะไร
นายสุคนธ์ เล่าให้ฟังว่า "วินาทีที่ถูกยิง ผมก็คิดในใจว่าพลาดแล้ว ขอให้เป็นแค่ความฝัน ขอให้เหตุการณ์ในครั้งนี้มันผ่านพ้นไปด้วยดี ขอให้ไม่มีอะไรเลย ผมก็คิดในใจ และก็ขอให้ปลอดภัย ท่อง พุทโธ พุทโธ พุทโธ ไว้ในใจและตั้งสตินิ่งๆ ไว้ครับ รู้ทุกอย่างว่าผมเนี่ยเลือดออกเยอะนะ มีคนปฐมพยาบาล และก็มีคนมาโบกมือให้กำลังใจ สู้ๆนะ สู้ๆนะ ผมก็ได้ยินตลอดเวลาครับ รับฟังข้อมูลอยู่ แต่ก็นิ่งอยู่"
" ผมไม่หมดสติครับ รู้สติทุกอย่าง รู้ว่ารอรถนะ รถจะมา มีคนบอกว่าใจเย็นๆจะถึงแล้วๆ ผมก็นอนเฝ้าๆอยู่ครับ เฝ้าอาการตัวเองว่าให้นิ่งไว้ นิ่งไว้เพื่อไม่ให้มันมีความโมโหมีความโกรธ พยายามข่มจิตตัวเอง ให้มันสงบสติอารมณ์ตัวเองไว้"
เมื่อถามว่า มีของศักดิ์สิทธิ์ใส่เครื่องรางอะไรติดตัวอยู่หรือไม่
นายสุคนธ์ ตอบว่า "วันนั้นผมก็ไม่ได้ใส่นะครับ พอดีทุกครั้งผมจะใส่อยู่แต่วันนั้นผมไม่ได้ใส่ เพราะวันนั้นผมไปซื้อของให้แฟนและก็มาสนาม เลยไม่ได้ใส่ ก็เลยคิดในใจว่าพลาดแล้ว พลาดที่ตัวเองไม่ได้ระวังตัวด้วยครับ แต่ปกตินับถือ หลวงพ่อดำวัดโคกพระเจดีย์ แต่วันนั้นผมไม่ได้แขวน"
@ ความคืบหน้าคดีปัจจุบันเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า หลังจากเกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ตำรวจทราบแล้วหรือยังว่ามูลเหตุเกิดจากอะไร
นายสุคนธ์ ตอบว่า "รู้แล้วครับเกิดจากเรื่องการเมือง คือประเด็นทุกอย่างอยู่ที่การเมือง"
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าเป็นเรื่องของการเมือง ปกติการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่นี้มีเหตุการณ์ที่รุนแรงบ้างไหม
นายสุคนธ์ ตอบว่า "ไม่มีครับไม่เคยมีมาก่อน ไม่เคยมีทะเลาะ ไม่มีการขู่ฆ่ากัน ไม่เคยมีครับ ผมก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมทำกันถึงขนาดนี้และผมก็คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยลงการเมืองมาก่อน เป็นครั้งแรกที่เล่นการเมือง"
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ ที่ผ่านมามีคนเตือนให้ระวังตัวไหม
นายสุคนธ์ ตอบว่า "มีแต่คนบอกว่า ให้ระวังตัวไว้ แต่ผมไม่เชื่อว่าจะรุนแรงขนาดนั้น ซึ่งคนสนิทของผมหลาย ๆ คนบอกว่าให้ระวังตัวไว้ เวลาไปไหนมาไหน ช่วงนี้เราคะแนนดีนะ แต่ผมคิดว่าที่โคกพระเจดีย์ เป็นตำบล ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาเลย แต่ผมคิดอยู่เสมอว่าถ้ามีเนี่ย มีคน คนเดียว ที่จะทำ เพราะว่า ถ้าไม่มีผมคนหนึ่ง ทุกอย่างก็คือจบ แต่ก็คุยกับคนอื่นนะว่า ถ้ามีคนนี้ที่จะทำผม คือไม่มีหรอก เขาไม่อยากให้ผมได้เป็นนายก อบต."
เมื่อถามย้ำว่า เหตุการณ์ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ทางตำรวจแจ้งความคืบหน้าอะไรบ้าง
นายสุคนธ์ ตอบว่า ตำรวจก็บอกว่าทำงานเต็มที่ และความคืบหน้า ช่วงนี้อยู่ระหว่างหาหลักฐานเพิ่มเติมให้ชัดเจน ซึ่งผมอยากจะฝากตำรวจว่า ให้ติดตามด้วย ผมจะหาเสียงก็หาลำบาก เพราะกลัว เป็นคนไปไหนมาไหนไม่ค่อยระวังตัวอยู่แล้ว
" ผมว่าคนทำเขามีอารมณ์ชั่ววูบมากกว่า เขาทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ผมเกิด ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ผมชนะ ถ้าหากผมเสียชีวิตไปก็คือจบสำหรับเขา ซึ่งแค่ช่วงเริ่มต้นของการรับสมัคร ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ภาพพจน์จังหวังนครปฐมก็เสีย ผมเชื่อว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบของคน ผมเชื่อว่า เขาก็คิดว่าถ้าไม่มีผมมันก็จบ และก็คดีก็ไม่ใช่การเมือง มันอาจจะโยงไปคดีอื่นก็ได้ มันก็สามารถตีได้ว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง อะไรก็แล้วแต่ ผมไม่รู้ว่าเขาประมาณไหนนะ ถ้าไม่มีผมก็คือจบได้ โดยที่ไม่เสียหายเรื่องการเมือง แต่ถ้าเกิดผมยังอยู่เนี่ย มีแค่ประเด็นเดียวแค่การเมือง คือมันอยู่ที่ผมไง แต่จังหวะนี้ผมโชคดี ที่มันเป็นปกติอยู่ทุกวันนี้ ถึงจะบล็อกคอไว้ก็ถือว่าโชคดีสุดแล้วครับ ก็เลยโยงใยถึงการเมือง"
เมื่อถามว่า หลังเกิดเหตุร้าย ส่งผลทำให้ความคิด ลงเล่นทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
นายสุคนธ์ ตอบว่า "คือเอาง่ายๆอย่างที่ผมบอก คนทำเขาไม่ให้ผมเกิด ไม่ให้ผมอยู่จุดนี้ ซึ่งที่ทำผมขนาดนี้เนี่ย มันโหดร้ายกับผมมากนะ ผมรู้สึกอยู่กับความหวาดผวา อยู่กับความหวาดระแวงตลอดเวลา ห่วงทั้งลูก ห่วงทั้ง ภรรยา ภรรยาผมก็ทำงานแทนที่สนามบอล ผมก็ไม่ได้ไปดูแลเลย ลำบากมากครับ อยากให้ตำรวจจับกลุ่มคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด"
"ผมอยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ผมก็จะใช้ชีวิตได้ปกติ จบรวบรวมกระบวนการทั้งหมด ไม่ว่าเป็นฝ่ายทำงาน ฝ่ายยิง ฝ่ายสั่งการ กระบวนการทั้งหมดอยากให้จับได้ทั้งหมด"
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าอยากให้ตำรวจจับให้ได้ทั้งกระบวนการนี่หมายถึงใครบ้าง
นายสุคนธ์ ตอบว่า "ที่ผมพูดถึงกระบวนการคือ 1.คนยิง 2.คนสั่งการ ประมาณนั้นครับ ไม่สามารถทำเองคนเดียวได้แน่นอน เขาต้องมีลูกน้อง ทำ งาน ไม่ใช่กระบวนการที่ใหญ่ขนาดนั้น ผมอยากให้จับตัวให้ได้เร็วที่สุด"
"ซึ่งผมอยากจะวิงวอนทางตำรวจจริงๆเลยนะ ผมเนี่ยลำบากมาก ใช้ชีวิตลำบากมากจริงๆ ถ้าตำรวจจับกุมคนร้ายได้เนี่ย ผมจะยินดีมากเลย ผมใช้ชีวิตไม่ปกติเลยครับ ช่วงนี้จะออกไปหาเสียง จะออกไปนอกบ้าน จะออกไปไหนก็ แค่หน้าบ้านตัวเองก็ไม่กล้า ออกเลยครับ"
"อยากให้ตำรวจ คลี่คลายคดีให้ได้ ทำให้รู้ว่าตำบลโคกพระเนี่ย ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ไม่ต้องถูกมองน่ากลัวขนาดนั้น ให้ทุกคนที่มองโคกพระ ว่ามันเป็นเพราะอะไรถึงได้เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ให้เขามองไปต่างๆนาๆ มันทำให้เสียทั้งตำบล เสียทั้งจังหวัด อยากให้ตำรวจจับกุมได้เร็วที่สุด จะได้รู้เหตุการณ์เกิดจากอะไรยังไง ได้ชัดเจนขึ้นครับ"
@ การเมืองระดับอบต. ธุรกิจสีเทา สืบทอดอิทธิพล
เมื่อถามว่า อบต.เงินเดือนมันไม่ได้เยอะมาก มันมีผลประโยชน์อื่นแอบแฝง อยู่ ณ ที่นี่หรือเปล่า
นายสุคนธ์ ตอบว่า "ไม่มีครับ ผลประโยชน์เนี่ยไม่มีจริงๆ ตำบลโคกพระเจดีย์ เป็นตำบลที่เล็ก ประชากร 3,500 คน ที่เลือกตั้งได้ใช้สิทธิ์ได้ ประชากรก็ไม่เยอะในการเลือกตั้ง เมื่อก่อนมี 5 หมู่เอง"
เมื่อถามว่า มันมีอะไรสีเทาบ้างไหม เพราะคนที่ทำขนาดนี้ ต้องกลัวจะเสียผลประโยชน์บางอย่างไป
นายสุคนธ์ กล่าวว่า "มันมีบ้างอยู่แล้วครับ เขาอาจจะมีข้างหน้าที่วางแผนต่อไปว่าไม่มีผลอยู่ เขาอาจจะเป็นนู้นๆ นี้ๆ อาจจะวางแผนคุมเกมได้หมด แต่ถ้าผมอยู่ มันไม่ได้ละ คือคนรุ่นใหม่มันพัฒนาหมดแล้ว เพราะของผมเนี่ยคนรุ่นใหม่หมด"
" มันมีขบวนการรายคน มันไม่ใช่ว่าเฉพาะคนสมัครสองคนนี้ คู่แข่งผม มันมีอะไรหลายอย่าง มันไม่ได้เจาะจงว่าเป็นผู้สมัครตรงข้ามผมนะ การเมืองมันมีหลายฝ่าย หลายกลุ่มนะ"
เมื่อถามย้ำว่า เหตุที่เกิดถึงขนาดนี้ คิดว่าคนๆนั้น (คนที่ก่อเหตุ) เขากลัวอะไร
นายสุคนธ์ กล่าวว่า "แค่เสียหน้า เสียศักดิ์ศรี ไม่ให้ผมขึ้น แค่นั้นเองหลักๆมีแค่นั้นเอง ผมเชื่อนะ ผลประโยชน์เนี่ย ที่นี่มันน้อยมาก แต่ต้องยอมรับว่าเหตุที่เกิดขึ้นน่ากลัวมากครับ ทุกวันนี้ผมอยู่ด้วยความหวาดระแวง ผมจึงบอกว่าให้ตำรวจเนี่ย คนที่เกี่ยวข้องทุกๆคน ให้ร่วมทำงานตรงนี้ให้สำเร็จ จับคนร้ายให้ได้ วันนี้ผมอยู่ด้วยความหวาดระแวง ผมไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ ต้องมีคนอยู่เป็นเพื่อนผม ทุกอย่างคือมันลำบากมาก ลำบากกว่าคนอื่น"
"คือจริงๆมันน่าจะหมดสมัย หมดยุคแล้ว ในประเทศไทยมันน่าจะหมดยุคแล้ว ที่ยิงกัน ทำร้ายร่างกายกัน น่าจะหมดแล้วนะ แข่งกันด้วยนโยบาย แข่งกันด้วยการกระทำ ผลงานผมว่า มันต้องประมานนั้นนะ ที่มาทำร้ายร่างกาย มายิงกัน มันหมดยุคแล้ว มันเสียชื่อตำบล เสียชื่อจังหวัด เสียชื่อทุกๆอย่าง เสียทั้งผู้นำชุมชน มองกันไปโคกพระเนี่ย ผลประโยชน์ขนาดนั้นเลยหรอ จริงๆไม่มีอะไรเลยครับ โคกพระเป็นตำบลเล็กมาก ผลประโยชน์น้อยมาก แต่ที่ผมอยากมาลงเนี่ย ที่จริงผมก็ไม่ชอบการเมืองนะ ผมเห็นชาวบ้าน เห็นการทำงานที่ไม่ดี ผมเลยขอโอกาสประชาชน ที่จะมาลงตรงนี้ เพื่อพัฒนาตำบลทำให้ดีกว่าที่เป็นอยู่"
@ สนิทกับ เสี่ยหนึ่ง 'จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์' ระดับไหน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่า เป็นคนใกล้ชิด นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ (เสี่ยหนึ่ง) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครปฐม
นายสุคนธ์ ตอบว่า "ท่านก็ให้ความเมตตาผม ก็คุยกันได้ครับ รักท่านมานานแล้ว รู้จักกันมานานแล้ว ก็แนะนำสั่งสอนผม ว่าจะอยู่กับประชาชนต้องลงพื้นที่ให้ประชาชนรักและเมตตาเรา ต้องทำงานนะ ก็คือมีการสอนผมบอกผม ทำตัวยังไง อยู่กับสังคมแบบนี้ ท่านก็สอนผมไว้บอกผมไว้ครับ เป็นพี่ที่คอยแนะนำผมว่าให้ทำยังไง ให้เข้าถึงประชาชนนะ ตอนเราเข้ามาเราต้องทำงานนะ เราทำเยอะเท่าไรชาวบ้านจะเห็นเราเท่านั้นแหละ แกก็เป็นห่วง อยากให้ผมทำงานและก็อยากให้ผมเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุดครับ"
"สำหรับนโยบายของผม ก็คือ ทางเนี่ย ต้องดีสะอาด สองไฟทางก็ต้องดี กล้องวงจรปิดก็ต้องมี และก็น้ำต้องไม่เป็นสนิม ส่วนอื่นก็พวกรถร่วมกตัญญูก็ต้องมีเอาไว้ช่วยคนอื่น และก็พวกกีฬาท้องถิ่น พวกวัด ก็ต้องมี ทุกอย่างมันอยู่ในนโยบายอยู่แล้ว ผมเขียนนโยบายหมดแล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เป็นนโยบายทั่วไป อาทิ คลองก็ต้องใส น้ำก็ต้องสะอาด แต่เขาก็ไม่ทำไง แต่ผมคิดว่าผมทำ และทำได้จริงๆโดยสามารถประสาน อบจ. ได้ ประสานทางผู้นำชุมชน ได้ครับ ซึ่งนโยบายเหล่านี้ก็ไม่ได้ขัดผลประโยชน์ใครเลย เป็นนโยบายพื้นๆ ที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่ใช่โยบายที่สร้างภาพที่สร้างฝันให้ชาวบ้าน"
ทั้งหมดนี้ คือ บทสัมภาษณ์ ของ นายสุคนธ์ ศรีสำราญ หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบต. นครปฐม ที่บอกเล่าถึงประสบการณ์เฉียดตาย อันมีสาเหตุมาจากการแข่งขันทางการเมืองท้องถิ่นในเวทีจังหวัดนครปฐม ที่เล่นกันแรงถึงขั้นเอาชีวิต
ซึ่งถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ผ่านสำนักข่าวอิศรา ณ ที่นี้
อ่านข่าวประกอบ
- มือปืนยิงนักธุรกิจว่าที่ผู้สมัครนายก อบต. จ.นครปฐม คนใกล้ชิด ‘จิรวัฒน์’
- ระดมทีมสืบสวนล่ามือปืนยิงนักธุรกิจคนใกล้ชิด นายก อบจ.นครปฐม
- 7 วันยังไม่คืบ! คดียิงนักธุรกิจนครปฐม - บิ๊กโอ๋ เตรียมลงพื้นที่ติดตามงานเอง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage