"...ในช่วงเช้าวันที่ 6 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยังฝ่ายการเงินของ สสจ.กำแพงเพชร เพื่อขอสัมภาษณ์ นางวิสาข์ อ่ำพุธ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ลาออกไปแล้ว เมื่อถามว่า ลาออกไปเมื่อไร เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ไม่ทราบ ไม่ได้เข้ามาทำงานแล้ว และไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมได้ ..."
..............................
"จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า รายละเอียดการโอนเงินในระบบดังกล่าวเจ้าหน้าที่การเงินรายหนึ่ง จัดทำขึ้นไม่ตรงกับหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน มีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของตนเอง จำนวน 3 บัญชี แทนการโอนเงินให้หน่วยงานในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 12,738,415.53 บาท"
คือ ข้อมูลเบื้องต้นกรณี เจ้าหน้าที่การเงิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร (สสจ.กำแพงเพชร) รายหนึ่ง ถูกตรวจสอบพบปัญหาการทุจริตยักยอกเงินค่าตอบแทนตามภาระงาน และความเสี่ยงในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ของเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลกำแพงเพชร ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ได้รับการประสานงานจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีโดยด่วน
ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
(อ่านประกอบ : สดจากกำแพงเพชร! ผู้ว่าฯ แจ้งความด่วน จนท.การเงิน สสจ.ยักยอกค่าเสี่ยงภัยโควิด 12.7 ล.)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในจังหวัดกำแพงเพชร ว่า เจ้าหน้าที่การเงิน สสจ.กำแพงเพชร ที่ถูกตรวจสอบพบการกระทำทุจริตยักยอกเงินค่าตอบแทนตามภาระงาน และความเสี่ยงช่วงสถานการณ์โควิดในครั้งนี้
คือ นางวิสาข์ อ่ำพุธ มีตำแหน่งเป็นนักวิชาการการเงิน ประจำ สสจ.กำแพงเพชร เป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุขทั่วไป
พฤติการณ์การกระทำความผิดของ นางวิสาข์ อ่ำพุธ ถูกระบุว่า จัดทำเอกสารการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของสสจ.กำแพงเพชร ไม่ตรงกับหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน โดยมีการยักยอกโอนเงินออนไลน์ผ่านระบบ KTB Corporate Online ที่ต้องส่งไปหน่วยงานย่อยเข้าบัญชีธนาคารของตัวเอง จำนวน 3 บัญชี
แยกเป็นบัญชีธนาคารกรุงไทย 2 บัญชี และธนาคารไทยพาณิชย์ 1 บัญชี รวมจำนวนทั้งสิ้น 12,738,415.53 บาท โดยการโอนเงินดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม -31 กรกฎาคม 2564
เบื้องต้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ทดลองโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยทั้ง 2 บัญชี พบชื่อ นางวิสาข์ อ่ำพุธ เป็นเจ้าของบัญชี และยังสามารถโอนเงินเข้าไปได้ ส่วนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ นั้นไม่สามารถโอนเงินเข้าไปได้ (ดูรูปประกอบ)
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันที่ 6 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยังฝ่ายการเงินของ สสจ.กำแพงเพชร เพื่อขอสัมภาษณ์ นางวิสาข์ อ่ำพุธ
ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ลาออกไปแล้ว
เมื่อถามว่า ลาออกไปเมื่อไร เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ไม่ทราบ ไม่ได้เข้ามาทำงานแล้ว และไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมได้
ส่วนความคืบหน้าการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางวิสาข์ อ่ำพุธ นั้น สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเป็นทางการว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2564 เวลา 16.01 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ได้มอบอำนาจให้นิติกรชำนาญการประจำสสจ.กำแพงเพชร เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ นางวิสาข์ อ่ำพุธ พร้อมสำเนาสัญญาจ้างงาน เอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน ต่อสถานีตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร ในฐานะความผิดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาทรัพย์นั้นไปเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต"
ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 147 ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท เพื่อให้ได้รับโทษทางอาญาจนกว่าคดีจะถึงที่สุดด้วย และจะมีการเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ดี กรณีนี้ยังอยู่ในชั้นการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นางวิสาข์ อ่ำพุธ ยังมีสิทธิต่อสู้คดีในชั้นอัยการ และชั้นศาล ดังนั้น นางวิสาข์ อ่ำพุธ จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage