สถานทูตจีนเผยวัคซีนซิโนแวคมาถึงไทยอีก 1.5 ล้านโดส ปัจจุบันจีนได้ส่งออกและบริจาควัคซีนให้ไทยแล้ว 8 ชุด รวม 6 ล้านโดส
--------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2564 สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่าน Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า วัคซีนซิโนแวคที่รัฐบาลไทยจัดซื้อเพิ่มจำนวน 1.5 ล้านโดส ส่งถึงกรุงเทพฯ แล้ว โดยปัจจุบันจีนได้ส่งออกและบริจาควัคซีนซิโนแวคให้แก่ประเทศไทยแล้ว 8 ชุด รวม 6 ล้านโดส วัคซีนจีนจะช่วยชาวไทยต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิดอย่างเต็มที่
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ในภาพรวมได้มีการนำเข้าวัคซีนซิโนแวคแล้วทั้งหมด 8 ลอต ประกอบด้วย วันที่ 24 ก.พ.2564 จำนวน 2 แสนโดส , วันที่ 22 มี.ค.2564 จำนวน 800,000 โดส , วันที่ 10 เม.ย.2564 จำนวน 1,000,000 โดส , วันที่ 24 เม.ย.2564 จำนวน 500,000 โดส , วันที่ 6 พ.ค.2564 จำนวน 1,000,000 โดส , วันที่ 14 พ.ค.2564 เป็นวัคซีนที่จีนบริจาค จำนวน 500,000 โดส , วันที่ 15 พ.ค.2564 จำนวน 500,000 โดส และในวันนี้ 1,500,000 โดส รวมวัคซีนที่องค์การเภสัชกรรมจัดหาได้เข้ามาแล้วทั้งสิ้น 6,000,000 โดส และภายในเดือน มิ.ย.นี้ จะนำเข้ามาอีกจำนวน 3,000,000 โดส โดยปัจจุบันข้อมูล ณ วันที่ 19 พ.ค.2564 วัคซีนซิโนแวคนี้ได้มีการใช้ทั่วโลกแล้ว 260 ล้านโดส ใน 45 ประเทศ เป็นอันดับ 2 ต่อจากวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์
วันเดียวกันนี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ต้องการเน้นย้ำให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง คือ
1.ระบบหมอพร้อม ซึ่งที่ผ่านมาเปิดให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคลงทะเบียน ขณะนี้มียอดลงทะเบียนแล้ว 7.4 ล้านคน อยู่ในพื้นที่ กทม. 8 แสนคน และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปอายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งข้อดีคือประชาชนสามารถเลือกวันเวลาและสถานที่ได้เอง
2.การลงทะเบียน ณ จุดบริการ หรือ On-site Registration ช่องทางนี้ปรับจากการเรียกว่า วอร์กอิน (Walk in) เนื่องจากหากใช้คำว่าวอร์กอินแล้ว อาจเกิดความเข้าใจผิดว่าทุกคนที่เดินทางไปจะได้ฉีดในวันนั้น จนอาจเกิดปัญหาตามมาได้ แต่การลงทะเบียน ณ จุดบริการ จะมีระบบรองรับและแจ้งประชาชนเมื่อเดินทางไปลงทะเบียนว่า มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ ณ จุดบริการในวันนั้นหรือไม่ หากพร้อมฉีดแต่วัคซีนไม่พอในวันนั้นก็สามารถลงทะเบียนเพื่อนัดฉีดในวันอื่นได้ ขอย้ำว่าช่องทางนี้เป็นบริการเสริม และสำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้จัดให้มีการกระจายจุดบริการวัคซีนทั่วพื้นที่ในโรงพยาบาล สถานพยาบาล และหน่วยงาน จำนวน 231 แห่ง นอกจากนี้ยังได้เตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลอีก 25 แห่ง โดยเตรียมความพร้อมจัดเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะเดินทางมาสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า ถ้าหากในแต่ละจุดที่บริการ มีวัคซีนเพียงพอในแต่ละวัน และมีวัคซีนสำรองเนื่องจากมีคนที่นัดแล้วแต่ไม่ได้มาฉีดตามนัดอยู่บ้าง รัฐบาลก็มีแผนในการเปิดการฉีดวัคซีนแบบวอร์คอินได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดและความรุนแรงนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งมีการระบาดในหลายคลัสเตอร์ในหลายพื้นที และเป็นสาเหตุให้นายกรัฐมนตรีมีความจำเป็นต้องตัดสินใจปรับแผนเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยส่วนบริการหลักยังเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม และการวอร์กอินจะเป็นการบริการเสริมในช่วงนี้
3.การจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ หรือการกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ เน้นจัดสรรวัคซีนไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต เช่น บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อสม. ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงานด้านการบิน ครู อาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์สาธารณะ พนักงานรถไฟและรถไฟฟ้า พนักงานในโรงแรม คณะผู้แทนการทูตและองค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจและนักเรียน นักศึกษาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ บุคลากรในโรงงาน คนพิการ พนักงานภาคบริการอาหารและยา และกลุ่มอื่น ๆ เพื่อให้การใช้ชีวิตและเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด โดยประชาชนกลุ่มนี้สามารถติดต่อนัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้โดยตรง หรือหากเป็นกลุ่มบุคคลหรือสมาคมที่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน สามารถยื่นเรื่องต่อกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาจัดสรรวัคซีนและจัดเตรียมสถานที่ฉีดต่อไป
นายอนุชา กล่าวย้ำว่า นายกรัฐมนตรียังมีนโยบายให้เตรียมการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.นี้ โดยกระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และภาคเอกชนจะร่วมมือกัน สนับสนุนให้บุคลากรกลุ่มนี้ฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรม การผลิต และภาคบริการ ฟื้นตัวได้โดยเร็ว นอกจากนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรมใน กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือนนี้ หรือตั้งแต่ มิ.ย.-ก.ค.2564 และฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั้งประเทศให้ครบ 50 ล้านคนภายในปี 2564
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/