มีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 10 ราย! ผบช.น.แถลงปมอุ้มเรียกค่าไถ่นักธุรกิจไต้หวัน 90 ล้าน พบตำรวจยศ พ.ต.ท. ระดับ ‘รอง ผกก. สังกัด บก.จร. เอี่ยวด้วย สั่งมาช่วยราชการส่วนกลางแล้ว เตรียมดำเนินการทางวินัย
...........................................................
จากกรณีเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2564 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) บุกรวบอดีตนาวิกโยธินสัญชาติสหรัฐอเมริกา กรณีถูกกล่าวหาว่าอุ้มนักธุรกิจสัญชาติไต้หวัน เรียกค่าไถ่เป็นเงิน 90 ล้านบาท บริเวณทองหล่อ กทม. โดยพบผู้ร่วมกระทำผิด 8 ราย เป็นชาวต่างชาติ 7 ราย และคนไทย 1 ราย และมีการจับกุมโดย สน.ทองหล่อ นั้น
ความคืบหน้ากรณีนี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า กรณีจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติจำนวน 2 ราย คนไทย 1 ราย เหตุเกิดในพื้นที่สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2564 ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับจำนวน 6 ราย โดยที่ผู้เสียหายและกลุ่มผู้ต้องหารู้จักกัน ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ มีการควบคุมตัวผู้ต้องหารายที่ 4 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พ.ต.ท. ตำแหน่ง รองผกก. สังกัด บก.จร. แจ้งข้อหาเดียวกัน อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ จะทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ฝากขังที่ศาลอาญา และมีการคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากว่าคดีดังกล่าวผู้ต้องหาบางส่วนเป็นชาวต่างชาติถิ่นที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งเกรงว่าจะหลบหนี และการกระทำความผิดกระทำในช่วงเวลากลางวัน ถือเป็นกรณีอุกอาจสะเทือนขวัญโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
"ส่วนกรณีผู้ต้องหาอีก 2 คน เป็นชาวต่างชาติอยู่ระหว่างหลบหนีนั้น อยู่ระหว่างเร่งรัดในการจับกุมตัว พร้อมทั้งยังมีการเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการพิสูจน์ทราบคนร้ายอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวตามที่เสนอข่าวออกไปนั้น เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา ประกอบกับผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ การรวบรวมพยานหลักฐานต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล เพราะระหว่างก่อเหตุกลุ่มผู้ต้องหามีการแต่งกายและปิดบังใบหน้า ประกอบกับผู้เสียหายมีการเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ หลายครั้ง จึงทำให้ออกหมายจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวได้เมื่อไม่นานมานี้" ผบช.น. กล่าว
เมื่อถามว่า บก.ป. ระบุว่า มีผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คนนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือว่าข้อมูลสอดคล้องกัน อย่างกรณีที่มีการกระทำความผิด ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะมีผู้กระทำความผิดมากกว่า 6 ราย แต่อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมีการปิดบังใบหน้า ซึ่งมีการออกหมายจับทั้งหมด 6 ราย แต่คนอื่น ๆ เป็นเพียงแค่การออกหมายจับตามภาพถ่าย แต่ยืนยันตามหลักฐานที่พบแน่ชัดนั้น มีผู้กระทำความผิดในขณะนี้ 6 ราย ส่วนชาวต่างชาติ 2 รายที่หลบหนี จากการตรวจสอบเชื่อได้ว่ายังคงหลบหนีอยู่ภายในประเทศไทย
เมื่อถามถึง นายตำรวจยศ พ.ต.ท. สังกัด บก.จร. ไปอยู่ภายในที่เกิดเหตุได้อย่างไรนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องในสำนวนการสอบสวน พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้ร่วมกระทำความผิดและแจ้งข้อกล่าวหาเดียวกันกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุไม่ได้ใส่เครื่องแบบ โดยข้อหาที่แจ้งคือร่วมกันเรียกค่าไถ่ พยายามฆ่า ทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนใจ และซ่องโจร ส่วนการพิจารณาโทษทางวินัย รอง ผกก. ยศ พ.ต.ท.นั้น หลังจากที่ผู้เสียหายได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้วรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบทางต้นสังกัด บก.จร. ได้สั่งมาช่วยปฏิบัติราชการที่ต้นสังกัดทันทีเมื่อทราบเรื่อง แต่ระหว่างนั้นยังรวบรวมพยานหลักฐานไม่เสร็จสิ้นก่อนมาถูกจับได้ดังกล่าว และจะมีการพิจารณาโทษทางวินัยคือผิดวินัยร้ายแรง เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ ถือเป็นความผิดโดยประมาท เป็นการกระทำคงามผิดอาญาก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยอีกต่างหาก
เมื่อถามว่ามีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่พบบุคคลที่มีชื่อเสียงเกี่ยวข้องเพิ่มเติมแต่อย่างใด หากรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องแน่ชัดก็จะออกหมายจับเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่วนกรณีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจับกุมดังกล่าวอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่นั้น ปกติเมื่อเกิดเหตุกรณีชาวต่างชาติกระทำความผิดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งให้ทางสถานทูตประเทศนั้นรับทราบว่ามีคนในสัญชาติหรือประเทศนั้น ๆ กระทำความผิด ส่วนการเดินเข้ามาของผู้ต้องหาชาวต่างชาติทั้ง 4 คนนั้น ได้รับวีซ่าทำงานในประเทศไทยมีการตั้งบริษัทเกี่ยวกับการให้คำแนะช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ทำธุกิจในประเทศไทย อยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติบริษัทดังกล่าว
เมื่อถามถึง พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาลเกี่ยวข้องอย่างไรนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ทราบว่าได้ติดต่อมาทาง พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ผบก.น. 5 เพื่อสอบถามเรื่องการยื่นขอประกันตัว จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงยังไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียกให้มาให้ปากคำ และไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ใดกับผู้ต้องหาหรือผู้เสียหายหรือไม่ แต่เชื่อได้ว่าจะรู้จักกับทางผู้ต้องหาเนื่องจากมาประสานงานติดต่อยื่นประกันตัว
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.policenewsformass.com/
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/