เรือนจำกลางคลองเปรม ผู้ต้องขังติดโควิดแล้ว 506 ราย และเจ้าหน้าที่อีก 2 ราย กรมราชทัณฑ์แจงยอดมาจากการตรวจแบบ 100% แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ยันผลตรวจผู้ต้องขังร่วมกับ'รุ้ง'ไม่พบเชื้อ
..............................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค.64 เวลา 15.00 น. นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในเรือนจำและทัณฑสถาน ว่า สาเหตุของการพบยอดผู้ติดเชื้อจำนวนมากในยะเวลารวดเร็ว สืบเนื่องจากวันที่ 7 พ.ค. 2564 กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการตรวจวิเคราะห์หาเชื้อ ด้วยวิธี RT-PCR แบบ 100% ตลอด 24 ชั่วโมง จนสามารถตรวจแล้วเสร็จทั้งหมด ทำให้สามารถแยกกลุ่มเป้าหมายที่ติดเชื้อและกลุ่มที่ยังไม่ติดเชื้อแยกจากกันได้อย่างทันท่วงที ในกลุ่มผู้ติดเชื้อดังกล่าว ได้ดำเนินการ X-ray ปอดทุกราย เพื่อค้นหาผู้ป่วยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีการแยกผู้ป่วยตามลักษณะอาการ เพื่อดำเนินการรักษาได้อย่างตรงจุด และด้วยการตรวจพบเชื้อที่มากขึ้นในระยะเวลาที่รวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมีการยืนยันผล เพื่อป้องกันการรายงานผลที่คลาดเคลื่อน ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ 4-5 วัน ก่อนรายงานไปยัง ศบค.
นายวีระกิตติ์ กล่าวยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์ ไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อและที่ผ่านมาหากผู้ต้องขังที่ติดเชื้อรายใดต้องการแจ้งให้ญาติภายนอกทราบ ทางเรือนจำและทัณฑสถานจะมีเจ้าหน้าที่คอยดำเนินการแจ้งไปยังญาติผู้ต้องขังแต่ละรายเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว หากญาติผู้ต้องขังรายใดที่มีความกังวลใจ สามารถติดต่อสอบถามที่เรือนจำและทัณฑสถานที่ผู้ต้องขังถูกคุมขังอยู่ได้
กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีที่มีผู้โพสต์ในสื่อออนไลน์ โดยอ้างว่า น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ไม่ได้ถูกกักตัวตลอดเวลา ระหว่างวันที่ 23 เม.ย. – 5 พ.ค. 2564 ยืนยันว่า น.ส.ปนัสยา ได้ถูกกักตัวในห้องกักโรคจนถึงวันที่ 25 เม.ย. 2564 ตามนโยบายเดิมของกรมราชทัณฑ์ ที่ให้กักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน แต่ในช่วงดังกล่าว ได้มีนโยบายใหม่ ให้กักตัวผู้ต้องขังแรกรับและผู้ต้องขังออกศาลเพิ่มเติมเป็นระยะเวลา 21 วัน อาจทำให้ผู้ต้องขังเกิดความเครียดจากการกักตัวที่ใช้ระยะเวลานานได้ จึงมีการผ่อนคลาย โดยให้ผู้ต้องขังที่ออกจากห้องกักโรคได้ออกมาผ่อนคลายภายในแดนแรกรับ เป็นแดนที่เตรียมไว้สำหรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ เพื่อสังเกตโรค ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นระยะเวลาต่อเนื่องประมาณ 1-3 เดือน เพื่อให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายได้ปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตในทัณฑสถาน โดยอาจมีกิจกรรมเล็กน้อย เช่น การอ่านหนังสือ ในแดนแรกรับดังกล่าว จะมีพื้นที่ครอบคลุมในส่วนของห้องกักโรค ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของแดนแรกรับเช่นเดียวกัน โดยมีผู้ต้องขังทั้งแดนอยู่ที่ประมาณ 1,500 ราย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2564 กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อผู้ต้องขังในแดนแรกรับทั้งหมดแบบ 100% ไม่ปรากฏว่ามีผู้ต้องขังรายใดที่ติดเชื้อ รวมถึงผู้ต้องขังที่พักร่วมห้องกับ น.ส.ปนัสยา ก็ไม่พบว่า มีการติดเชื้อแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 16.30 น. นายวีระกิตติ์ เปิดเผยว่า ผลตรวจวิเคราะห์หาเชื้อไวรัสโควิดในผู้ต้องขังเรือนจำกลาง คลองเปรม ประจำวันที่ 14 พ.ค. 2564 ได้ตรวจพบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด จำนวน 506 ราย และพบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ จำนวน 2 ราย เป็นการตรวจพบผู้ติดเชื้อจากการตรวจผู้ต้องขังแบบ 100% ในแดนฝึกอาชีพ (แดน 4) และได้ดำเนินการคัดแยกผู้ป่วยตามลักษณะอาการเพื่อดำเนินการรักษาเป็นที่เรียบร้อย
แล้ว โดยในการดำเนินการขั้นต่อไป คือการเร่งดำเนินการตรวจวิเคราะห์หาเชื้อในผู้ต้องขังแดนอื่นๆ จนกระทั่งได้ผลการตรวจของผู้ต้องขังทั้งเรือนจำแบบ 100%
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการติดต่อญาติ ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อที่ต้องการแจ้งให้ญาติภายนอกทราบ ทางเรือนจำจะมีเจ้าหน้าที่คอยดำเนินการแจ้งไปยังญาติผู้ต้องขังแต่ละรายเป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ต้องขังว่าต้องการแจ้งญาติหรือไม่ และหากญาติผู้ต้องขังรายใดที่มีความกังวลใจ สามารถติดต่อสอบถามที่เรือนจำเพื่อสอบถามรายละเอียดได้โดยตรง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage