‘สมาคมภัตตาคารไทย’ ทำจดหมายเปิดผนึกถึง นายกฯ เร่งพิจารณามาตรการช่วยเหลือ ‘ภัตตาคาร-ร้านอาหาร’ โดยเร่งด่วน เสนอโครงการ ‘ค่าเช่าคนละครึ่ง’ ยืดเก็บแวต 6 เดือน ลดค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า 30% จัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
....................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยนำเสนอมาตรการเร่งด่วนเพื่อพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่สมาคมภัตตาคารไทย เสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์และขอให้พิจารณาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ดังนี้
ส่วนที่ 1 ความช่วยเหลือด้านภาระต้นทุน ค่าใช้จ่าย
1.1 มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าร้าน เนื่องเพราะขาดรายได้จากการงดให้บริการนั่งรับประทานในร้าน
-ออกคำสั่งที่มีนิยาม คุณสมบัติ ข้อกำหนดที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการใช้ในการขอลดค่าเช่ากับผู้ให้เช่า
-มีมาตรการโครงการช่วยเหลือค่าเช่าคนละครึ่ง
-ช่วยเหลือประสานงานกับผู้ให้เช่า เจ้าของห้างสรรพสินค้าให้ลดค่าเช่าอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ โดยให้เจ้าของที่ดินอาคาร บุคคลทั่วไป ที่ให้ร้านอาหารเช่า สามารถนำส่วนลดไปลดหย่อนภาษีในรอบบัญชีถัดไป เพื่อจูงใจให้เกิดการลดค่าเช่าตามมา
1.2 มาตรการช่วยเหลือด้านภาษี เงินทุน
-งดการจัดเก็บภาษีรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา สำหรับธุรกิจร้านอาหาร
-ยืดระยะเวลาในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มออกไป 6 เดือน
-ขอให้รัฐบาลงดจัดเก็บภาษีโรงเรือน จากเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร เป็นเวลา 2 ปี
-ออกมาตรการลดค่าน้ำ ค่าไฟ 30 เปอร์เซ็นต์ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ตั้งแต่รอบบิลเดือนเมษายน 2564 เป็นเวลา 6 เดือน
-จัดแหล่งเงินกู้ และให้เจ้าของธุรกิจร้านอาหารเข้าถึงแหล่งเงินกู้ เพิ่มสภาพคล่องเพื่อประคับประคองธุรกิจ โดยสามารถให้ยื่นขอสินเชื่อได้อย่างง่าย ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ ค้ำประกัน ทั้งลูกหนี้รายใหม่ รวมถึงลูกหนี้รายเก่าสามารถกู้เพิ่มได้ ในวงเงินที่เคยกู้มาก่อนจากวิกฤตรอบแรก
1.3 มาตรการช่วยเหลือด้านค่าแรงงาน
-ขอให้ทางประกันสังคมอนุมัติให้ลูกจ้าง ซึ่งถูกลดเวลาการทำงาน ลดเงินเดือน หรือหยุดงานโดยไม่รับค่าจ้างเนื่องจากคำสั่ง ศบค. สามารถเบิกประกันสังคมได้ 50 เปอร์เซ็นต์ โดยทันที
-ให้กระทรวงแรงงานสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอำนวยความสะดวกให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการในการดำเนินการยื่นขอใช้สิทธิ์รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวันจากเหตุสถานการณ์โควิด-19 จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่บางส่วนยังมีความสับสนต่อ นิยาม คุณสมบัติ ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน เนื่องจากไม่ได้มีคำสั่งให้หยุดกิจการเป็นการชั่วคราว
-ชะลอการจัดส่งเงินประกันสังคมทั้งจากลูกจ้างและนายจ้างสมทบออกไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
-จัดหาแหล่งเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย หรือ ดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ ระยะเวลาผ่อนยาว เพื่อให้ลูกจ้างสถานประกอบการร้านอาหารกู้มาใช้จ่ายในยามจำเป็น
ส่วนที่ 2 ความช่วยเหลือด้านการขาย รายได้
-ออกมาตรการจูงใจการใช้จ่ายภาคประชาชน เช่น ต่อยอดโครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการ ม.33 เพื่อให้ประชาชนมีเงินในการใช้จ่าย
-อนุญาตให้ภัตตาคาร ร้านอาหารที่เป็นนิติบุคคล สามารถเข้าร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกโครงการของรัฐบาลได้ เช่น โครงการคนละครึ่ง, ไทยชนะ, ม.33
-มีมาตรการควบคุมค่าส่วนแบ่งการขาย หรือ GP จากแพลทฟอร์มเดลิเวอรี่ที่ปัจจุบันที่อัตราสูงจนเกิดภาระไม่คุ้มทุนของฝั่งร้านอาหาร ให้อยู่ในอัตราเหมาะสมอย่างน้อยในช่วงเวลานี้ และหรือมีมาตรการช่วยแบ่งเบาค่า GP ดังกล่าว
-ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานปกครองท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ มีการจัดตั้งงบประมาณในการจัดหาอาหาร เครื่องดื่ม ให้กับหน่วยงาน -เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ เช่น โรงพยาบาลสนามตามจังหวัดต่าง ๆ ขอให้ใช้งบประมาณส่วนดังกล่าวนี้ในการสั่งอาหารเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ อาหารกล่องแจกแก่ประชาชนผู้ประสบภาวะวิกฤติโควิด ตกงาน ขาดรายได้ หรือให้ความร่วมมือหยุดอยู่บ้าน
-ขอให้ กกร. ซึ่งประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรรวบรวมภาคเอกชนที่ยังคงมีศักยภาพ ช่วยกันลงขันจ้างร้านอาหารในท้องถิ่นทำอาหารกล่องเพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนในระบบ รักษาสภาพการจ้างงานพนักงานในร้านอาหาร อีกทั้งยังมีความสามารถมาอุดหนุนซัพพลายเออร์และช่วยพ่อค้า แม่ค้าในตลาดสด ซึ่งจะมีผลถึงเกษตรกร ในการสั่งซื้อวัตถุดิบมาประกอบปรุง จะก่อให้เกิดกระแสเงินสดหมุนเวียนหล่อเลี้ยงรายได้ให้กับร้านอาหารเป็นการเฉพาะหน้าได้ โดยให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขคอยควบคุมกระบวนการผลิตอาหารตามมาตรการป้องกัน ทั้งนี้ สมาคมภัตตาคารไทยยินดีเป็นตัวกลางในการประสานงานกับหน่วยงาน สมาคมร้านอาหาร ชมรมร้านอาหารในแต่ละพื้นที่ให้
“ภาคผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ตระหนักเป็นอย่างดีในความสำคัญของปัญหาวิกฤตการระบาดไวรัสโควิด-19 นี้ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมหยุดยั้งการแพร่ระบาดโดยเร็ว แต่ผลกระทบจากการแพร่ระบาดและมาตรการควบคุมต่าง ๆ ในระยะเวลา 1 ปีเศษทั้งระลอก 1-2-3 ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกิจการและครอบครัวอย่างแสนสาหัส. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านนายกรัฐมนตรี จะเมตตาให้ความช่วยเหลือตามที่ได้เสนอมา” จดหมายเปิดผนึกระบุ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage