ประชุมรัฐสภาล่ม หลังมีปัญหาเรื่ององค์ประชุม คาดกังวลสถานการณ์โควิด ส่งผลให้ ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ พิจารณาไม่เสร็จ ต้องรอถกต่อสมัยประชุมหน้า
-----------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2564 ที่ประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ วันที่ 2 เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. .... มีบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีสมาชิกอยู่ร่วมประชุมกันบางตา เกินองค์ประชุมไม่มาก โดยเข้าสู่การพิจารณาในมาตรา 50 เรื่องการนับคะแนนเสียงประชามติ ที่เมื่อมีการแสดงตนเป็นองค์ประชุมก่อนลงมติ ปรากฏว่า มีสมาชิกเหลืออยู่แค่ 372 คน เกินองค์ประชุม 366 คน มาแค่ 6 เสียงเท่านั้น
จนนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องคอยกระตุ้นเตือนขอความร่วมมือให้สมาชิกอยู่ในห้องประชุม ขอให้อดทนช่วยกันทำหน้าที่ เพราะเรามาไกลกันแล้ว แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ในมาตรา 50/1 เรื่อง การนับคะแนนเสียงประชามตินอกราชอาณาจักร เมื่อนายชวนกดออดให้สมาชิกแสดงตนเป็นองค์ประชุม ปรากฏว่า ยังคงมีสมาชิกอยู่กันอย่างบางตา แม้นายชวนต้องกดออดเรียก 3 รอบ แต่สมาชิกก็ยังไม่ค่อยเข้ามาแสดงตน
จนนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย หารือว่า หากต้องเลื่อนการประชุมออกไปก่อน จะมีผลทางกฎหมายหรือไม่ สังเกตมาหลายมาตราแล้ว มีสมาชิกอยู่น้อยลง จะเปิดประชุมวิสามัญอีกครั้งได้หรือไม่ ซึ่งนายชวนชี้แจงว่า จะไม่เปิดประชุมวิสามัญเป็นครั้งที่สาม ถ้าไม่ผ่าน เรื่องก็ค้างต้องไปเปิดประชุมอีกทีสมัยสามัญ เหมือนเราไม่รับผิดชอบ จึงขอให้ทุกคนอดทน ช่วยกันทำหน้าที่ ก่อนจะกดออกเรียก ส.ส.ให้มาแสดงตนเป็นองค์ประชุมครั้งที่ 4 จึงมีสมาชิกมาแสดงตน 377 คน เกินองค์ประชุมมา 11 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเมื่อพิจารณามาถึงมาตรา 51 เรื่องการประกาศผลการออกเสียงประชามติ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. เสนอขอนับองค์ประชุม โดยการขานชื่อเรียงคน แต่นายชวนชี้แจงว่า ยังมีสมาชิกเข้าๆออกๆห้องประชุม และขอร้องไม่ให้นับองค์ประชุม
ขณะที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.กล่าวเสริมว่า เห็นใจการประชุมวันนี้ เพราะมีเรื่องสถานการณ์โควิดเข้ามา ส.ส.หลายคนไม่สามารถมาประชุมได้ เพราะไปพบคนติดเชื้อโควิด จึงต้องเดินทางไปโรงพยาบาลตรวจหาเชื้อ แต่ขอให้ระวังเรื่องการเสียบบัตรแทนกันด้วย เพราะไม่อยากเกิดเหตุขึ้น จนมีคนนำไปร้องศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน เพราะสังเกตเห็นเสียงตอนแสดงตนเป็นองค์ประชุม กับเสียงตอนลงมติมีผลต่างห่างกันแบบผิดสังเกต เกรงจะมีคนเสียบบัตรแทนกัน
ทำให้นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สวนกลับทันทีว่า เรื่องการเสียบบัตรแทนกันไม่มี ขอให้นายสมชายอย่ามาโยนขี้ให้กัน
ขณะที่นายชวน ได้รีบตัดบทเข้าสู่การประชุมต่อ จนกระทั่งเข้าสู่การพิจารณามาตรา 53 เมื่อมีการแสดงตนเป็นองค์ประชุม มีสมาชิกอยู่แสดงตนแค่ 374 เสียง ทำให้นายชวนตัดสินใจ พักการประชุม 10 นาที เพื่อเรียกวิป 3 ฝ่าย มาหารือกันเพื่อแก้ปัญหาเรื่องจำนวนสมาชิกในห้องประชุม
ต่อมาภายหลังพักการประชุม นายชวน กล่าวว่า จากการหารือ เหลือการพิจารณาอยู่ไม่มาก ถ้าอภิปรายน้อยก็จบได้ในเวลาสั้นๆ แต่ปัญหาที่เป็นกังวลคือองค์ประชุม ถ้าไปไม่รอด ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง ไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธความเป็นจริง และจะไม่ว่าใคร เพราะว่ามีสถานการณ์ไม่ปกติในขณะนี้ จากนั้นนายชวนจึงให้มีการพิจารณาต่อในมาตรา 53
จากนั้นได้เปิดประชุมอีกครั้งในเวลา 15.05 น. โดยนายชวนให้สมาชิกรัฐสภาแสดงตนเพื่อตรวจสอบองค์ประชุม ก่อนลงมติ หมวด 8 การคัดค้านการออกเสียงประชามติ และได้ทอดเวลาอยู่ระยะหนึ่ง เพื่อรอให้สมาชิกรัฐสภาได้เสียบบัตรแสดงตน ระหว่างนั้น นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่ทราบว่าสมาชิกกลัวอะไรกับ พ.ร.บ.ประชามติ ดังนั้นขอให้ทุกคนเข้ามาร่วมประชุม
นายชวน กล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องกลัว แต่ด้วยเหตุที่เราทราบว่าอะไรเกิดขึ้น และการเปิดสมัยวิสามัญเป็นเรื่องที่ต้องทำเรื่องทูลเกล้าฯ เพื่อกราบบังคมทูล เราได้เปิดวิสามัญกับเรื่องนี้ 2 ครั้งแล้ว เรามาลงเอยอย่างนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงปรารถนา ตนให้โอกาสสมาชิกได้แสดงตนเพื่อให้ท่านได้มีชื่ออยู่ในห้องประชุมในวาระของการประชุมในวันนี้ ขออนุญาตที่ประชุมขอเลื่อนการประชุมเรื่องนี้ไปประชุมครั้งต่อไป เนื่องจากมีความจำเป็นต้องให้องค์ประชุมมีความสมบูรณ์ แม้จะยังไม่นับองค์ประชุม แต่ก็เห็นว่าควรจะเลื่อนออกไป
จากนั้นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมวิสามัญ และปิดประชุมในเวลา 15.19 น.
(ที่มาข่าว : https://www.naewna.com/politic/564828)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/