ครม.อนุมัติ 'กิจการร่วมค้า GPC' จ่ายค่าตอบแทนท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 กว่า 2.9 หมื่นล. และค่าสัมปทานผันแปร 100 บาท/บีทียู เผยหากเปิดประมูลใหม่จะทำให้โครงการล่าช้า 2 ปี
.....................
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินขั้นต่ำที่ภาครัฐจะได้รับจากกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ในโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F โดยมีค่าสัมปทานคงที่เท่ากับมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อทีอียู
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) รายงานว่า กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ได้เสนอให้ค่าสัมปทานคงที่คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ 12,051 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อทีอียู ซึ่งต่ำกว่าผลประโยชน์ตอบแทนที่รัฐคาดหมายตามมติครม. วันที่ 30 ต.ค.2561 มูลค่า NPV ประมาณ 32,225 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้คาดการณ์ว่าตู้สินค้าในอนาคตมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งแนวโน้มที่การท่าเรือแห่งประเทศ (กทท.) จะสามารถประหยัดเงินลงทุนในโครงการ ฯ ในส่วนของงานก่อสร้างทางทะเล และงานก่อสร้างอาคารท่าเทียบเรือ ระบบถนน และสาธารณูปโภค
นอกจากนี้ หากมีการคัดเลือกเอกชนใหม่จะมีผลกระทบต่อการเปิดดำเนินการท่าเทียบเรือ F อาจล่าช้าถึง 2 ปี ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ท่าเรือแหลมฉบังจะไม่สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าได้ รวมทั้งข้อจำกัดในการรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ของท่าเรือในปัจจุบัน และกรณีที่มีการถมทะเลแล้วเสร็จแต่ไม่มีการร่วมลงทุนสร้างท่าเทียบเรือได้ทันที จะทำให้ กทท. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงโครงสร้างอีกด้วย
นายอนุชา กล่าวว่า ครม.ยังมอบหมายให้ สกพอ.พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดเงื่อนไขการแบ่งผลตอบแทนเพิ่มเติมในกรณีที่มีปริมาณตู้สินค้าสูงกว่าคาดการณ์ เพื่อให้ผลประโยชน์ตอบแทนที่รัฐจะได้ใกล้เคียงกับที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติไว้
พร้อมทั้งเร่งรัดให้ กทท. ดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ตามแผนงานอย่างเคร่งครัด กำกับติดตามการดำเนินงานของเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นไปตามเป้าหมาย และสามารถทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้า กลับไปใกล้เคียงกับปริมาณการที่ครม.อนุมัติไว้เดิม เพื่อให้โครงการการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 สนับสนุนการเป็นประตูการค้า (Gateway) เชื่อมโยงการอุตสาหกรรมและการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านตามนโยบายของรัฐบาลได้
สำหรับกิจการร่วมค้า GPC ประกอบด้วย บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ China Harbour Engineering Commpany Limited
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage