ตำรวจท่องเที่ยว แถลงผลการจับกุม 3 คดีสำคัญ รวบ 4 ผู้ต้องหา ฉ้อโกงนักท่องเที่ยวรวมกว่า 30 ล้านบาท มีผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติหลายราย
............................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2564 พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ ผบช.ทท. พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.รัชพงศ์ แก้วยอด ผกก.คมธ. บช.ทท น.ส.ศิริวรรณ พรเลิศวิวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ร่วมกันแถลงข่าวคดีสำคัญ 3 คดี โดยคดีแรกเป็นผลการจับกุมของ กก.ควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ทำการจับกุม น.ส.วรินทร (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ที่ จ.69/2564 และ จ.70/2564 ลงวันที่ 1 ก.พ.2564 ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่บริเวณอาคารเลขที่ 261/1-173 ยุคลรัตน์คอนโดมีเนี่ยม อาคารบี ห้อง 261/154 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น และสิงคโปร์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ให้ร่วมลงทุนในธุรกิจนำเที่ยวและให้บริการต่อวีซ่า มีการตั้งบริษัทชื่อ บริษัท โลโคโมชั่นทัวร์ จำกัด โดยในการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนร้อยละ 10 โดยในระยะแรกได้มีการปันผลแต่ต่อมาก็ไม่ได้ยอดตามที่ตกลงไว้ ซึ่งเมื่อสอบถามได้บ่ายเบี่ยงกระทั่งปิดตัวบริษัทหลบหนีไป
โดยมีผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติกว่า 20 ราย เป็นชาวญี่ปุ่น 18 ราย สิงค์โปร์ 2 ราย รวมมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท และได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสวบสวน สภ.ช้างเผือก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาชุดสืบทราบได้รับการประสานจึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจนติดตามจับกุมได้
คดีที่สองงานสืบสวน กก.1 บก.ทท.1 จับกุม น.ส.สุภาเพ็ญ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 611/2564 ลงวันที่ 29 มี.ค.2564 ในความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคลคลหนึ่ง หลังก่อเหตุอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมการท่องเที่ยวว่าสามารถออกใบอนุญาตมัคคุเทศก์ได้ โดยโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อมีผู้สนใจจะทำการติดต่อพูดคุยรายละเอียดผ่านทางโทรศัพท์และแอปพลิเคชันไลน์ จนสามารถทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาสามารถติดต่อประสานงาน เพื่อให้สามารถออกใบอนุญาตมัคคุเทศก์ได้ โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งในคดีนี้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก รวมความเสียหายกว่า 3 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีการแอบอ้างเป็นตำรวจหรืออาจารย์มหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตรอบรม รวมทั้งออกใบมัคคุเทศก์ด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวเคยต้องโทษในคดีลักทรัพย์ ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง, สน.ลาดพร้าว และ สน.ทองหล่อ
คดีที่สามเป็นผลการจับกุมของ กก.1 บก.ทท.2 นำโดย พ.ต.ท.วโรดม ใบเรือ สว.สืบสวน กก.1 บก.ทท.2 พร้อมชุดสืบสวนจับกุม น.ส.วนิดา และ น.ส.ธัญชนก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่ จ.67-68 /2564 ลงวันที่ 23 มี.ค.2564 ในความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจับกุมได้ที่จ.ภูเก็ต หลังทั้งสองร่วมกันใช้เฟซบุ๊กปลอมชื่อ Amit Khan ซึ่งมีภาพโปรไฟล์เป็นชาวต่างชาติผิวขาวหน้าตาดี ประกอบอาชีพนักบิน แอดมาเป็นเพื่อนกับผู้เสียหาย และได้คุยกันเรื่อยมา
ซึ่งในระหว่างคุยกันกลุ่มผู้ต้องหามีการส่งภาพถ่ายเป็นภาพเงินสดจำนวนมาก ทองคำ เครื่องประดับราคาสูง ให้ผู้เสียหายดู เพื่อให้เชื่อว่าตนเองมีทรัพย์สินจำนวนมาก จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2564 กลุ่มผู้ต้องหาได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหายเพื่อหลอกลวงว่ามีพัสดุมูลค่าสูงจัดส่งมาให้แก่ผู้เสียหาย โดยมีค่าจัดส่งเบื้องต้นจำนวน 21,000 บาท
นอกจากนี้กลุ่มผู้ต้องหายังได้ใช้แอปพลิเคชันไลน์โดยใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า BP solution แอดเข้ามาสนทนากับผู้เสียหายในเรื่องการชำระค่าส่งพัสดุดังกล่าวอีกทางหนึ่งเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าพัสดุเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง และในส่วนที่เหลือให้ไปชำระในขณะที่ไปรับพัสดุได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ และได้โอนเงินไปจำนวน 2 ครั้ง มูลค่าความเสียหายรวม 51,000 บาท ต่อมาเมื่อผู้เสียหายไปรับสินค้าด้วยตัวเองที่สนามบินสุวรรณภูมิ ปรากฏว่าไม่มีพัสดุถึงผู้เสียหาย จึงทราบว่าถูกหลอกลวง และได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน จนกระทั่งกลุ่มผู้ต้องหาถูกจับกุม อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับส่วนแบ่งค่าจ้างจากชาวไนจีเรียคนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป
พล.ต.ท.นิทัศน์ กล่าวว่าการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คดีนี้ โดยในคดีแรกมีผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติจำนวนหลายรายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นหญิงไทย มีมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูงและเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ส่วนคดีที่ 2 และ 3 แม้มูลค่าความเสียหายจะไม่มากนักและเป็นการหลอกลวงที่มีแผนประทุษกรรมที่คล้ายกับคดีฉ้อโกงอื่นๆ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว จึงเป็นการแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนให้พึงระมัดระวัง กลุ่มมิจฉาชีพที่ปัจจุบัน แฝงตัวมาหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอฝากถึงนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชน ที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วน ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่ทางด้าน น.ส.ศิริวรรณ กล่าวว่า กรณีของมิจฉาชีพที่หลอกลวงว่าสามารถออกใบอนุญาตมัคคุเทศก์ได้นั้น ในส่วนนี้ขอชี้แจ้งว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากการออกใบอนุญาตมัคคุเทศก์จะต้องได้รับการฝึกอบรม ซึ่งปัจจุบันมี 2 กรณี โดยกรณีแรกจะต้องเป็นผู้ที่มีวุฒิการศึกษาปริญญาหรืออนุปริญญาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการธุรกิจท่องเที่ยว หรือมัคคุเทศก์ และกรณีที่ 2 สำหรับผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจท่องเที่ยวหรือนำเที่ยวจะต้องผ่านการอบรมจากสถาบันที่ทางหน่วยงานเป็นผู้กำหนด จากนั้นก็จะต้องมาทำเรื่องต่อกรมการท่องเที่ยวเพื่อขอใบอนุญาตตามขั้นตอนต่อไป
ภายหลังแถลงข่าว พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ ผบช.ทท กล่าวถึง มาตรการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่าได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวทุกพื้นที่เตรียมความพร้อมในทุกมิติ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงเพิ่มศักยภาพการเฝ้าระวังป้องกันเหตุอาชญากรรมในทุกด้าน และต้องอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชนนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจัดกำลังพลกว่า 2000 นาย เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกในการให้พี่น้องประชาชนกลับภูมิลำเนาโดยปลอดภัย และในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ รวมถึงประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ นอกจากนี้หากประชาชนและนักท่องเที่ยวพบเห็นเหตุสิ่งของ หรือบุคคลต้องสงสัย ที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายและเป็นอันตราย สามารถแจ้งข้อมูลมายังสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 หรือแจ้งกับทางตำรวจท่องเที่ยวตามจุดบริการต่างๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/