'วราวุธ' เปิดโครงการ Climate Care Forum ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ป่า 40% ภายในเวลา 20 ปี ขณะที่ผลการทำงานร่วมภาคีเครือข่ายร่วมลดแยกขยะ ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ตลอด 1 ปีมีผลเทียบเท่าต้นไม้ 4.7 แสนต้น
....................................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2564 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานเสวนา Climate Care Forum #1 : Survive Climate Tipping Point ในโอกาสครบรอบ 1 ปี โครงการ Care the Whale @รัชดา ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นการพัฒนาการร่วมมือและการตื่นตัวเรื่องสิ่งแวเล้อมของทางภาคเอกชน ในพื้นที่ กทม. และในประเทศไทย
นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมีตั้งการนาฬิกาโลกร้อน หรือ Climate Clock ที่เหลือเวลาให้ประมาณเพียง 6 ปีกว่าๆ ที่จะรักษาสมดุลของคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหมาะสมกับพื้นที่สีเขียวที่เหลืออยู่ ในประเทศไทย นโยบายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีการกำหนดนโยบายเพื่อที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียว พื้นที่ป่าในประเทศ ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณร้อยละ 31 ให้เป็นร้อยละ 40 ภายในระยะ 20 ปี ในปัจจุบันพื้นที่สีเขียวที่มีอยู่ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 80 ล้านตันต่อปีเท่านั้น แต่มีการผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศ ประมาณปีละ 350 ล้านตันต่อปี ถึงแม้ว่าจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็นร้อยละ 40 ก็สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เพียง 100 ล้านตันต่อปีเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ ฉะนั้นแล้ว นอกจากการเพิ่มพื้นที่สีเขียวแล้ว จำเป็นจะต้องลดการผลิตปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยได้มีการลงนามในความตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่เป็นข้อตกลงการทำงานร่วมกันด้านสิ่งแวดล้อมในเวทีระดับโลก ประเทศไทยได้เข้าสู่ระยะที่ 2 ในการลดก๊าซเรือนกระจกที่เรียกว่า 'Nationally Determined Contribution' หรือ NDC ที่ร้อยละ 20 - 25 จากกรณีปกติ โดยมุ่งเน้นการลดก๊าซเรือนกระจกในสาขาพลังงาน คมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และการใช้ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการของเสีย ภายในปี 2030 ขณะนี้กำลังผลักดัน 'พระราชบัญญัติกรเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ' ให้เป็นหนึ่งกลไกหลักในการยกระดับความเป็นสากลด้านสิ่งแวดล้อม และเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญของการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนี้ คือ ความร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม ร่วมถึงภาคประชาชนอีกด้วย
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเป้าหมายในการสร้างโอกาสการเติบโตอย่างสมดุลทั้งธุรกิจและสังคม เพื่อให้ตลาดทุนเป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนตามวิสัยทัศน์ โดยมีการร่วมกับพันธมิตร ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคสังคม เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมพร้อมสร้างสมดุลระบบนิเวศให้คงอยู่ ในโครงการ 'Care the Whale ขยะล่องหน' โดยดำเนินงานภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในข้อ 13 เร่งต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น (Climate Action) ข้อ12 สร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (Responsible Consumption and Production) และข้อ 17 เสริมความเข้มแข็งให้แก่กลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูสภาพหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน (Partnerships for the Goals)
นายภากร กล่าวด้วยว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีของการดำเนินงานโครงการ มีพันธมิตรและเครือข่ายเข้าร่วมกว่า 30 องค์กร ประกอบด้วย ผู้ประกอบการบนพื้นที่ถนนรัชดาภิเษก 14 แห่ง รวมถึงผู้ประกอบการทางสังคม องค์กรพันธมิตรในธุรกิจด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และหน่วยงานภาครัฐ ตลอดทั้งปีสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการบริหารจัดการขยะและคัดแยกขยะ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ใหญ่อายุ 10 ปี จำนวน 474,277 ต้น ในด้านกระบวนการปฏิบัติ โดยสมาชิกโครงการสามารถบริหารจัดการขยะตั้งแต่การแยกขยะจากต้นทาง ไปสู่ปลายทางเพื่อเข้าสู่กระบวนการเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างเป็นรูปธรรม
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage