บอร์ด สปสช. ชุดใหม่ประชุมนัดแรก ประเดิมเห็นชอบ “ข้อเสนอขอรับงบเพิ่มเติมกองทุนบัตรทองปี 2563-2564” ดูแลประชาชนอย่างครอบคลุมและทั่วถึง เข้าถึงบริการกรณีโควิด-19 จำเป็น หนุน รพ.ให้บริการผู้ป่วยตามนโยบาย Social Distancing ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งระบบการแพทย์ทางไกล ส่งยาทางไปรษณีย์ เพิ่มรับยาใกล้บ้าน บริการตรวจแลปนอกหน่วยบริการ พร้อมรองรับประชาชนโอนใช้สิทธิบัตรทองเพิ่มจากกรณีว่างงานกว่า 9.9 แสนคน
ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2563 โดยเป็นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) วาระ พ.ศ. 2563-2567 เป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และที่ประชุมได้เห็นชอบ “ข้อเสนอการขอรับงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับปี 2563-2564” จากผลกระทบกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ภายใต้เงินงบประมาณเงินกู้ 45,000 ล้านบาท ที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับจัดสรรจากรัฐบาล
นายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้การดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2563-2564 ต้องปรับงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อรองรับดูแลประชาชนให้เข้าถึงบริการสุขภาพกรณีโควิด-19 ที่จำเป็นอย่างครอบคลุมและทั่วถึง พร้อมสนับสนุนหน่วยบริการดำเนินการตามนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ในการให้บริการประชาชน ทั้งบริการกรณีรักษาโควิด-19 (Covid-19) และบริการกรณีอื่นไม่ใช่โควิด-19 (Non Covid-19) เพื่อลดการติดต่อและแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาตรการบริการที่กำหนดโดยกรมการแพทย์ รวมถึงกรณีการว่างงานของประชากรที่รับผลกระทบและจะโอนมาใช้สิทธิบัตรทอง โดยปีงบประมาณ 2563 ขอรับการสนับสนุนจำนวน 2,201.58 ล้านบาท เพิ่มเติมจากงบประมาณกรณีโควิดข19 ที่รัฐบาลจัดสรรก่อนหน้านี้ 4,280.12 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2564 สนับสนุนเพิ่มเติมอีก 12,643.84 ล้านบาท รวมงบประมาณที่ต้องขอรับจัดสรรจากรัฐบาลเพิ่มเติมทั้งสิ้น 14,845.42 ล้านบาท หลังจากนี้จะนำเสนอต่อ ครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้งบประมาณข้างต้นนี้ แยกเป็น “บริการกรณีโควิด-19” (Covid-19) จำนวน 11,474.72 ล้านบาท แยกเป็นงบที่เพิ่มเติมในปี 2563 จำนวน 2,122.41 ล้านบาท และปี 2564 จำนวน 9,352.31 ล้านบาท ครอบคลุมบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ทั้งตรวจคัดกรองกลุ่มเป้าหมายตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติกำหนด บริการโรงพยาบาลสนาม หรือใน Hospital Quarantel เฉพาะกรณีสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 และบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ส่วนบริการรักษาพยาบาลได้เพิ่มเติมงบบริการผู้ป่วยใน บริการโรงพยาบาลสนามหรือใน Hospital เฝ้าระวังการติดเชื้อก่อนกลับบ้าน และบริการรับส่งต่อผู้ป่วยของหน่วยบริการเฉพาะกรณีสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วน “บริการอื่นที่ไม่ใช่กรณีโควิด-19” (Non Covid-19) ได้เสนอเพิ่มเติมเป็นจำนวน 4,455.02 ล้านบาท แยกเป็นงบเพิ่มเติมในปี 2563 จำนวน 79.17 ล้านบาท และปี 2564 จำนวน 4,375.85 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนนำร่องบริการสาธารณสุขทางไกลและระบบการแพทย์ทางไกล (Telehealth/Telemedicine) ในหน่วยบริการที่มีความพร้อม บริการส่งยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้ผู้ป่วยที่บ้านทางไปรษณีย์เฉพาะผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ขยายเพิ่มเติมปี 2564 จากโครงการปัจจุบันที่จะสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2563
บริการด้านยาและเวชภัณฑ์สำหรับร้านยา หรือ “โครงการรับยาใกล้บ้าน” เพิ่มเติมจัดบริการในรูปแบบที่ 3 ให้ร้านยาสำรองยาเองร่วมกับองค์การเภสัชกรรม เพิ่มจำนวนบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปี 2564 จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คาดว่าจะมีความต้องการของกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.36 ล้านราย จากเดิมที่มีจำนวน 4.16 ล้านราย และบริการตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกหน่วยบริการเพื่อดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดัน ไม่ต้องเดินทางมารับบริการที่โรงพยาบาล โดยครอบคลุมรวมถึงบริการเจาะเลือดและขนส่งตัวอย่าง ประมาณการณ์ปี 2564 มีจำนวนบริการ 941,700 ครั้ง อัตราค่าบริการ 200 บาท/ครั้ง เป็นงบประมาณ 188.34 ล้านบาท
ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ได้เพิ่มการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหาย ดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 เห็นชอบปรับอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการกรณีโควิด-19 จำนวน 2 เท่าจากอัตราเดิม และจำนวนผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้น โดยปี 2563 ของบสนับสนุนเพิ่มเติม 60.47 ล้านบาท และปี 2564 ขอเพิ่มเติมอีก 87.39 ล้านบาท และเพิ่มเติมงบประมาณรองรับการเพิ่มจำนวนของผู้มีสิทธิบัตรทองจากภาวะว่างงาน โดยปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 990,750 คน ย้ายมาจากสิทธิประกันสังคมเหตุว่างงาน ซึ่งได้คำนวณจากอัตราเหมาจ่ายรายหัวตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 จำนวน 3,719.23 บาทต่อผู้มีสิทธิ รวมเป็นงบประมาณที่ต้องเพิ่มเติม 3,684.82 ล้านบาท
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า บอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบหลักการตามข้อเสนอนี้ พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องเกณฑ์ราคาค่าบริการในบางรายการ เช่น ค่าตรวจเชื้อห้องปฏิบัติการ ค่าชุดป้องกันการติดเชื้อ เป็นต้น โดย สปสช.จะนำไปทบทวนราคาเพื่อให้เกิดการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ขณะที่รายการบริการใหม่ในรูปแบบ New Normal ทั้งระบบการแพทย์ทางการ การส่งยาไปรษณีย์ รับยาใกล้บ้าน จะมีการติดตามการดำเนินการและประเมินประสิทธิผล นอกจากนี้จะมีการทบทวนงบประมาณในรายการบริการที่ลดลงจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงการกระจายงบประมาณปี 2564 ต่อไป