EIC เผยยอดประกาศรับสมัครงานผ่านเว็บ 'JobsDB.com' หลังล็อคดาวน์ลดลง 37.4% เฉพาะจ้างงานแบบพาร์ทไทม์ดิ่ง 55.4% มองตลาดแรงงานฟื้นตัวช้า บัณฑิตจบใหม่หางานยาก การปรับค่าจ้างทำได้จำกัด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ออกรายงานบทวิเคราะห์เรื่อง 'Search แต่ (ไม่) เจอตำแหน่งงานในยุค COVID-19' โดยได้ทำการรวมรวมข้อมูล (web scraping) จากเว็บไซต์ JobsDB.com พบว่านับจากวันที่ 21 มี.ค.2563 หรือ 1 วันก่อนประกาศ lockdown กรุงเทพฯ และปริมณฑลจากการระบาดของ COVID-19 จนถึงวันที่ 24 เม.ย.2563 จำนวนการประกาศรับสมัครงานบนเว็บไซต์ JobsDB.com ลดลงถึง 37.4% หรือลดลงจาก 1.47 หมื่นตำแหน่งในวันที่ 21 มี.ค.2563 เหลือ 9,200 ตำแหน่งในวันที่ 24 เม.ย.2563
ทั้งนี้ จำนวนdkiประกาศรับสมัครงานลดลงสำหรับการจ้างงานในทุกประเภท โดยเฉพาะงานในประเภท part-time ซึ่งเป็นงานที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจสูง พบว่าจำนวนประกาศรับสมัครงานประเภท part-time ลดลงถึง 55.4% ซึ่งเป็นอัตราการลดลงที่มากกว่าในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ โดย EIC มองว่าแม้สัดส่วนงานประเภท part-time จะมีไม่มากบนเว็บไซต์ JobsDB.com คือคิดเป็นเพียง 0.8% ของประกาศทั้งหมด แต่ก็อาจเป็นตัวสะท้อนภาวะการจ้างงานประเภท part-time ของเศรษฐกิจโดยรวมที่กำลังได้รับผลกระทบค่อนข้างมากได้
ส่วนจำนวนประกาศรับสมัครงานลดลงในทุกกลุ่มเงินเดือน โดยงานที่ได้เงินเดือนน้อยมีจำนวนลดลงมากกว่างานเงินเดือนสูง เมื่อพิจารณาแยกตามระดับเงินเดือน พบว่า ประกาศรับสมัครงานสำหรับกลุ่มงานที่เงินเดือนน้อยที่สุด คือ น้อยกว่า 1.5 หมื่นบาทมีจำนวนลดลงมากที่สุดถึง 50.9% ขณะที่งานที่ได้เงินเดือนสูงกว่าจะมีจำนวนประกาศรับสมัครงานที่ลดลงน้อยกว่าลดหลั่นกันไปตามลำดับ
"EIC มองว่าสาเหตุที่งานที่ได้เงินเดือนน้อยมีจำนวนลดลงมากเป็นพิเศษนั้น น่าจะมาจากการที่กลุ่มเงินเดือนน้อยเป็นคนส่วนใหญ่ในสาขาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก COVID-19 เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ค้าส่ง-ค้าปลีก เป็นต้น ขณะที่ส่วนเงินเดือนสูงเป็นงานในสาขาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบหรือเป็นงานที่ใช้ทักษะสูงและงานระดับผู้บริหาร ทั้งนี้ งานที่ได้รับเงินเดือนในช่วง 3-5 หมื่นบาทนั้นมีสัดส่วนสูงที่สุดในเว็บไซต์ JobsDB.com โดยคิดเป็น 36.0% ของประกาศรับสมัครงานทั้งหมด" รายงาน EIC ระบุ
นอกจากนี้ จำนวนประกาศรับสมัครงานในภาคเอกชนลดลงในทุกสาขาธุรกิจ สะท้อนถึงผลกระทบของวิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง นำโดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวซึ่งจำนวนงานลดลงถึง 63.0% ตามมาด้วยการผลิตรถยนต์ และค้าส่งค้าปลีกที่ลดลงที่ 58.9% และ 48.0% ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 สาขาธุรกิจล้วนแล้วแต่เป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการหดตัวของกำลังซื้อและการหยุดชะงักของหลาย ๆ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ขณะที่งานในสาขาธุรกิจอื่นๆ ก็มีการลดลงในระดับเกิน 20% ขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ สะท้อนผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กินวงกว้างและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ถดถอย ทั้งนี้มีเพียงงานในองค์กรภาครัฐ/องค์กรอิสระ (คิดเป็น 0.3% ของการรับสมัครงานทั้งหมด) ที่ยังมีประกาศรับสมัครงานเพิ่มขึ้นที่ 25.0% ในช่วงเดียวกัน
EIC ยังมองว่า การลดลงของประกาศรับสมัครงานบนเว็บไซต์ JobsDB.com เป็นอีกตัวสะท้อนถึงสภาวะตลาดแรงงานที่ซบเซาซึ่งอาจใช้เวลานานในการฟื้นตัว ประกาศรับสมัครงานที่หายไปเป็นจำนวนมากภายในระยะเวลาอันสั้น ถือเป็นสัญญาณหนึ่งที่สะท้อนถึงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความรุนแรงมากและกินวงกว้าง จากปัจจัยลบรอบด้านที่เข้ามากระทบกับเศรษฐกิจที่มีความเปราะบางอยู่เป็นทุนเดิม
"EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า ซึ่งจะทำให้ตลาดแรงงานยังคงมีความเสี่ยงและอาจซบเซาไปอีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะแรงงานกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจตามที่ EIC เคยประเมินไว้ โดยสาเหตุหลักมาจากการที่ธุรกิจส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะระมัดระวังในการใช้จ่ายและการจ้างงานในภาวะที่ความไม่แน่นอนด้านรายได้ยังสูง ซึ่งจะส่งผลให้กำลังแรงงานที่ว่างงานรวมถึงกลุ่มบัณฑิตจบใหม่นั้นจะหางานได้ยากขึ้น และสภาวะตลาดแรงงานที่ซบเซานี้ก็จะส่งผลต่อเนื่องทำให้การปรับขึ้นค่าจ้างในระยะต่อไปมีข้อจำกัดด้วยเช่นกัน" รายงาน EIC ระบุ
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage