
รอง ผบช.ก.เรียกประชุมคลี่ปม 'เจ้าคุณอาชว์' ลาสิกขาปริศนา พร้อมเร่งตามตัว สีกา ก. หญิงสาวคนสนิทให้ปากคำในฐานะพยานเชื่อเป็นกุญแจสำคัญคลายข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ปทุมราช ผกก.1บก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ร่วมกันประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลาสิกขาอย่างกระทันหันของพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ เจ้าคุณอาชว์ เจ้าคณะภาค 14-15 (ธ.) อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ
สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการติดตามผลการลงพื้นที่เข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่าย และทรัพย์สินต่างๆของทางวัด รวมถึงสอบปากคำพระลูกวัด และ พยานบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวัดเมื่อวานที่ผ่านมา เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่าเงิน หรือ ทรัพย์สินมีค่าของวัดถูกทุจริตหรือยักยอกออกไปใช้ส่วนตัวด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกันในที่ประชุมยังได้มีการหารือเกี่ยวกับแนวทางการติดตามตัว สีกา ก. หญิงสาวคนสนิทของเจ้าคุณอาชว์ มาให้ปากคำในฐานะพยาน เพื่อชี้แจงรายละเอียดข้อเคลือบแคลงสงสัยต่างๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของ เจ้าคุณอาชว์ อีกด้วย โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า สีกา ก. คนนี้ เป็นกุญแจสำคัญที่จะคลี่คลายข้อสงสัยต่างๆเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า ผลการเข้าตรวจค้นวัดเมื่อวานที่ผ่านมา ข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆที่ได้มายังไม่น่าพอใจ รวมถึงยังไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร ซึ่งหลังจากนี้จะมีการประสานกับทางรักษาการเจ้าอาวาสวัดคนใหม่เกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งไวยาวัจกรขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบวัดง่ายขึ้น
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ความผิดที่ปรากฎอยู่ในขณะนี้ยังพบเพียงแค่เรื่องผู้หญิง แต่เชื่อว่า หากเขาได้เงินจากพระไป เงินดังกล่าวก็น่าจะเป็นเงินที่มาจากวัด ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบเส้นเงินต่างๆที่เกี่ยวข้อง หากได้รับข้อมูลสเตทเมนท์จากธนาคารมาเมื่อไร การดำเนินการต่างๆก็จะทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงรู้ว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางใด
“จากการเข้าตรวจสอบวัดเมื่อวาน เบื้องต้นพบบัญชีธนาคารที่เป็นของวัดแล้ว 5 บัญชี แต่ยังมีบัญขีอีกบางส่วนที่น่าสงสัย ซึ่งเราจะตรวจสอบให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้ข้อเท็จจริงกระจ่างชัด ส่วนจะมีเส้นเงินเชื่อมโยงไปถึงสีกาคนสนิท เจ้าคุณอาชว์ หรือไม่นั้น ณ ตอนนี้พบเพียงยอดเงินจำนวน 9 หมื่น ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเงินวัดหรือไม่ เพราะต้องรอตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงิน ดูให้แน่ชัดก่อน “ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ สีกา ข่มขู่เรียกเงิน 7 ล้านบาท จากเจ้าคุณอาชว์ เบื้องต้นจากข้อมูลที่ได้รับ ทราบว่ามีอยู่จริง แต่ยังไม่ได้มีการจ่ายเงิน หากถามว่า การกระทำของ สีกา จะเข้าข่ายความผิดเรืาองกรรโชกทรัพย์ หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ เจ้าคุณอาชว์ จะประสงค์แจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ แต่ส่วนตัวมองว่า ณ ตอนนี้เจ้าคุณอาชว์ คงไม่มาให้ความร่วมมือหรือแจ้งความดำเนินคดี
“สำหรับจุดประสงค์หลักที่ทางตำรวจ ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ปปช. เดินทางไปที่วัดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นั้น ก็เพื่อต้องการจะไปเป็นคนกลางช่วยเจรจาให้เจ้าตัวยอมสึกเนื่องจากได้รับประสานมาจากพระชั้นผู้ใหญ่ และ ทางสำนักพุทธให้เข้าไปช่วยเจรจา เหตุเพราะก่อนหน้านี้ทางพระผู้ใหญ่และสำนักพุทธเคยเจรจาขอให้ เจ้าคุณอาชว์ ยอมสึกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เจ้าตัวไม่ยินยอม แม้จะมีหลักฐานเป็นภาพคลิปวิดีโอ และ แชต สนทนากับสีกา ที่แสดงให้เห็นว่ากระทำผิดวินัยสงฆ์อย่างชัดเจนก็ตาม ซึ่งหากปล่อยไว้ก็เกรงว่าจะเกิดปัญหาคลิปหลุดตามมา ซึ่งจะทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสีย เราจึงต้องไปเพื่อยับยั้งปัญหา แต่ปรากฏว่าในวันที่ตำรวจเดินทางไปวัดนั้นไม่พบตัวเจ้าคุณอาชว์” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
นอกจากนี้อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ตำรวจต้องรีบเข้าไปตรวจสอบวัด เนื่องจากเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องของทรัพย์สินวัด กลัวว่า เจ้าคุณอาชว์ หลังสึกไปแล้วจะนำทรัพย์สินวัดติดตัวไปด้วย นอกจากนี้เมื่อถามว่าเจ้าคุณอาชว์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ณ ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอข้อมูลสเตทเม้นจากทางธนาคาร มาตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน เช่นเดียวกับเงินในบัญชีธนาคารของ เจ้าคุณอาชว์ ที่ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ขณะที่ในส่วนของ สีกาคนสนิทเจ้าคุณอาชว์ ขณะนี้อยู่ระหว่างตามหาตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็อยากให้มาพบ แต่เจ้าตัวยังคงบ่ายเบี่ยง ส่วนการจะเข้าไปสอบปากคำคนในวัด หรือ ไวยาวัจกร ของวัดอีกรอบหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ขอเวลารวบรวมข้อมูลเตรียมตัวให้มากกว่านี้ก่อน แบ้วจะกลับเข้าไปสอบปากคำใหม่อีกครั้ง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงเรื่องที่มีการเปรียบเทียบ ว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่แตกต่างกับคดีของ ทิดแย้ม นั้น อยากชี้แจงว่า ในเคสคดีทิดแย้มนั้น ก่อนหน้าจับกุม หรือ ดำเนินคดี ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมหลักฐานจนเห็นการทุจริตต่างๆชัดเจน แต่กรณีเจ้าคุณอาชว์ เราพึ่งได้รับข้อมูลเรื่องวินัย มาเท่านั้นเอง ยังไม่เห็นข้อมูลทุจริต จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา