
ครม.อนุมัติแก้ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ หลังใช้งานมา 31 ปี เผยทำให้สอดคล้องกับปัจจุบันมากที่สุด มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 70 หลังไทยเข้าร่วมสนธิสัญญา WPPT
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO Performances and Phonograms Treaty : WPPT) เพื่อยกระดับการคุ้มครองสิทธิของนักแสดงและผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง รวมทั้งรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสภาพการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “โสตทัศนวัสดุ” “ภาพยนตร์” “สิ่งบันทึกเสียง” “นักแสดง” “เผยแพร่ต่อสาธารณชน” และ “การโฆษณา” แก้ไขเพิ่มเติมการคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ สิทธิทางศีลธรรมเพื่อส่งเสริมการคุ้มครองชื่อเสียงและเกียรติคุณของผู้สร้างสรรค์และนักแสดง สิทธิแต่ผู้เดียวของนักแสดง สิทธิได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมของนักแสดง การได้มาซึ่งสิทธิของนักแสดง การโอนสิทธิของนักแสดงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการลิขสิทธิ์ การคุ้มครองลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดงระหว่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการทำลายของกลางในคดีแพ่ง และปรับปรุงบทกำหนดโทษ
สาระสำคัญของการแก้ไข เพื่อให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WPPT) ที่ไทยเข้าเป็นภาคีความตกลงเมื่อปี 2563 ไว้ ซึ่งมีพันธกรณีที่จะต้องปรับปรุงพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WPPT) ให้แล้วเสร็จและมีผลใช้บังคับ ภายในวันที่ 1 มกราคม 2570
ตัวอย่างของการแก้ไข เช่น
1) การเพิ่มสิทธิเรียกร้องซึ่งเป็นสิทธิทางศีลธรรมสำหรับผู้สร้างสรรค์หรือนักแสดงให้สามารถเรียกร้องต่อผู้รับโอนสิทธิ์ในงานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิทธินักแสดง รวมถึงบุคคลอื่นให้แก้ไขชื่อผู้สร้างสรรค์ในงานอันมีลิขสิทธิ์หรือนักแสดงในงานของตนให้ถูกต้อง
2) การแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิของนักแสดงและกำหนดสิทธิของนักแสดงให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
3) แก้ไขคำนิยามในหลายๆคำให้ครอบคลุมถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น คำว่า “โสตทัศนวัสดุ” “ภาพยนตร์” และ “สิ่งบันทึกเสียง” ให้กินความหมายไปถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ในประเภทเหล่านี้สามารถถูกบันทึกในรูปแบบหรือลักษณะใดก็ได้ เช่น การบันทึกลงบน Cloud หรือบันทึกอยู่บนเครือข่ายอื่นใด ซึ่งไม่จำเป็นต้องบันทึกลงเฉพาะบนวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป, “นักแสดง” ให้ขยายความหาายรวมไปถึงนางแบบเดินแบบเสื้อผ้า พิธีกรซึ่งแสดงท่าทาง เต้นและร้องเพลงให้สนุกสนาน เป็นต้น รวมถึงกรณีการแสดงที่เป็นการแสดงออกซึ่งศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และคำว่า“เผยแพร่ต่อสาธารณชน” กำหนดให้หมายถึงการเผยแพร่ต่อสาธารณชนมีความหมายครอบคลุมถึงการทำให้บุคคลทั่วไปในฐานะผู้รับชมสามารถเข้าถึงได้จากสถานที่และเวลาที่บุคคลทั่วไปในฐานะผู้รับชมเป็นผู้เลือกหรือกำหนดเอง เช่น การรับชมการแสดง การบรรยาย ผ่านเว็บไซต์ YouTube ได้ทุกเวลา เป็นต้น
สำหรับรองรับการเข้าเป็นภาคีของสนธิสัญญาดังกล่าว ซึ่งจะมีผลใช้บังคับภายในวันที่ 1 มกราคม 2570 อันเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีด้านทรัพย์สินทางปัญญาตามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมถึงเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์ เพื่อแก้ไขปัญหาการตีความกฎหมายและลดภาระที่เกิดขึ้นต่อประชาชน รวมถึงรองรับการใช้ประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยปัจจัยทางเทคโนโลยีและเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และเป็นไปตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอการสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WPPT) และเสนอการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไปด้วย เนื่องจากเห็นว่าประโยชน์ของการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกจะเป็นการยกระดับการคุ้มครองสิทธิของนักแสดงและผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงทำให้นักแสดงและผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงมีโอกาสใช้ประโยชน์การแสดงและการสร้างสรรค์สิ่งบันทึกเสียงได้มากขึ้น และได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมสำหรับการแสดงหรือการสร้างสรรค์งาน รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้มีการขยายตลาดสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เนื่องจากจะทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์และนักแสดงชาวไทยได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ในประเทศภาคีสนธิสัญญาอื่น ในขณะเดียวกันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าไทยมีความพร้อมที่จะให้ความคุ้มครองผู้สร้างสรรค์และนักแสดงของประเทศอื่นด้วยมาตรฐานสากลที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นด้วย/ไม่ขัดข้องกับหลักการของพระราชบัญญัติฯ
ที่มาภาพปก: https://pixabay.com/th/illustrations/

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา