ACT ทำโพลล์ออนไลน์ถาม ปชช. กรณี'ตึกสตง.ถล่ม' เกี่ยวกับคอร์รัปชันหรือไม่

ACT เชิญชวนประชาชนทุกกลุ่มวัยตอบแบบสอบถามออนไลน์หัวข้อ 'คุณคิดว่าอาคาร สตง. ถล่มเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชัน หรือไม่?' ภายใน 9 เม.ย. นี้

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เปิดเผยว่า นับจากเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่มและ ACT ได้แสดงบทบาทองค์กรภาคประชาชนด้วยตั้งข้อสังเกต ถึงข้อพิรุธต่างๆ ที่โน้มนำให้เห็นถึงต้นตอของปัญหาว่ามาจากการขาดธรรมาภิบาลในการดำเนินงาน และส่อเค้าว่าเป็นการทุจริตคอร์รัปชันที่มีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย พร้อมชงข้อเสนอถึงรัฐบาลไปก่อนหน้านี้ 3 ข้อ นั้น องค์กรมองว่า ทุกข้อเรียกร้องมีเป้าหมายเพื่อปูทางไปสู่การสร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการป้องกันปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน 

องค์กรจึงได้จัดทำแบบสอบถามความคิดเห็นประชาชนและเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ (https://bit.ly/4hZnsZ7) เพื่อให้เห็นกรอบคิดของประชาชนในขั้นพื้นฐานว่ามีความรู้ ความเข้าใจ และพร้อมจะมีส่วนร่วมในการป้องกัน แก้ไข ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันอย่างไรจากกรณีตึก สตง.ถล่ม โดยแบบสอบถามมีทั้งหมด 5 ข้อ ได้แก่

1. คุณคิดว่า เหตุการณ์อาคาร สตง.แห่งใหม่ ถล่ม เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันหรือไม่

2. คุณคิดว่า อะไรคือสาเหตุของอาคาร สตง. ถล่ม

3. หากสาเหตุของอาคารถล่มมาจากการคอร์รัปชันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สร้างอาคารไม่ได้มาตรฐานหรือหย่อนประสิทธิภาพ คุณเสนอให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดด้วยวิธีใด

4. คุณคิดว่า ประเทศไทยควรมีการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันการก่อสร้างภาครัฐ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกอย่างไร

5. ข้อเสนอแนะในการป้องกันและปราบปรามคอรับชันในกรณีอาคาร สตง. ถล่ม

“เราคาดหวังการตอบกลับผลสำรวจประมาณ 500 คน ถ้าครบจำนวนนี้อาจปิดโหวตทันที สำหรับแนวคำถามทุกประเด็นจะเน้นการปฏิบัติจริงที่จับต้องได้ ไม่ใช่แนวคำถามที่เน้นวิชาการ หรือการให้ความเห็นกว้างๆ ถึงเวลาแล้วที่จะปฏิรูปการทำงานของภาครัฐให้เปิดเผยโปร่งใสด้วยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน” นายมานะ กล่าว

อนึ่ง สำหรับข้อเสนอ 3 ประการที่ ACT ได้เสนอรัฐบาลยกระดับความโปร่งใสก่อนหน้านี้ และรอการตอบสนองจากรัฐบาล ได้แก่

1. รัฐและผู้รับเหมาต้องเปิดเผยข้อมูลโครงการฯ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ชัดเจน ครบถ้วน ตรวจสอบได้ รวดเร็วทันทีที่ร้องขอ จัดทำรูปแบบวิเคราะห์ที่เข้าใจง่าย สะดวกต่อการนำไปใช้ต่อ

2. รัฐต้องนำข้อตกลงคุณธรรมที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไปใช้กับทุกโครงการตามพรบ.จัดซื้อฯ รวมทั้งโครงการลงทุนร่วมรัฐและเอกชน (PPP) และ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยไม่ยกเว้น

3. รัฐต้องเพิ่มจำนวนโครงการเข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรมอย่างน้อยเท่าตัว โดยเน้นคัดโครงการเมกะโปรเจคที่ประชาชนสนใจหรือมีผลกระทบต่อประชาชนมาก