‘ดีเอสไอ’ เผยแพร่คำพิพากษาศาลอาญา กรณี 3 จำเลยพาหญิงไทย 3 คนไปเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่ลาว อ่วมโดนคุก 17 ปี ปรับอีกคนละแสนบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 27 ธ.ค. 2567 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอประชาสัมพันธ์คำพิพากษาศาลอาญา คดีพิเศษที่ 225/2565 กรณีมีหญิงไทย จำนวน 3 คน ร้องขอความช่วยเหลือถูกนายหน้าหลอกลวงให้ไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งสามารถช่วยเหลือหญิงชาวไทยทั้ง 3 ราย กลับมาได้โดยปลอดภัยและดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จนกระทั่งสามารถจับผู้ต้องหา เป็นชาวไทย 3 ราย ได้แก่ นางสาวพิมพา (สงวนนามสกุล) นางบัวทอง (สงวนนามสกุล) และนายวสันต์ (สงวนนามสกุล) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยได้ส่งสรุปสำนวนคดีพิเศษให้แก่พนักงานอัยการ และพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 11/2567 และคดีหมายเลขดำ ที่ 38/2567 นั้น
กรณีดังกล่าว ศาลอาญาได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขแดงที่ 142/2567 และคดีหมายเลขแดงที่ 143/2567 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ จำคุก 4 ปีฐานร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ฐานร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตราย ต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่นจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ฐานร่วมกันใช้อุบาย หลอกลวง ขู่เข็นใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใดพา หรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร เพื่อให้ผู้ถูกพา หรือส่งไปนั้นตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุกกระทงละ 8 ปี จำนวน 3 กระทง
ทางนำสืบของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ฐานร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คงจำคุกกระทงละ 5 ปี 4 เดือน จำนวน 3 กระทง เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 17 ปี 20 เดือน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายที่ 1 เป็นเงิน 120,860 บาท ให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 เป็นเงิน 128,020 บาท และให้แก่ผู้เสียหายที่ 3 เป็นเงิน 123,615 บาท