ตำรวจ ‘สตม.’ บุกจับ 5 แก๊งคอลเซ็นเตอร์‘ญี่ปุ่น’ หัวหน้าแก๊งเคยเป็นสมาชิก ‘แก๊งยามากูจิ’ หลอกผู้เสียหายได้เงินวันละ 5 ล้านบาท ก่อนนำเงินไปฟอกโดยเปิดธุรกิจที่ใช้ ‘คนไทย’ เป็น ‘นอมินี’
.......................................
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.ฯ ช่วยราชการ บก.สส.สตม. และพ.ต.อ.ชย พานะกิจ หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สตม.
ได้รับประสานจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ว่า มีกลุ่มคนร้ายลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์ เพื่อหลอกลวงชาวญี่ปุ่น เป้าหมายเป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยหลอกลวงว่าจะได้รับเงินประกันสุขภาพคืน โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ญี่ปุ่นกลุ่มนี้จะทำงาน ตั้งแต่วันจันทร์-วันเสาร์ โดยมีรูปแบบการหลอกลวงว่า “เป็นการขอคืนเงินค่ารักษาพยาบาล โดยใช้โทรศัพท์หลอกลวงผู้สูงอายุในญี่ปุ่น อ้างว่าเป็นเจ้าที่ของรัฐ”
โดยคอลเซ็นเตอร์สายแรกจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐ โทรศัพท์ไปอธิบายกับเหยื่อที่ประเทศญี่ปุ่นว่าจะมีการคืนค่ารักษาพยาบาลสะสมจำนวนหลายล้านเยน และให้เหยื่อเตรียมเงินไว้ในบัญชี ตั้งแต่จำนวน 500,000 เยน ขึ้นไป จากนั้นจะหลอกให้เหยื่อไปทำรายการโอนเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มไปยังบัญชีของคนร้าย เมื่อเหยื่อโอนเงินสำเร็จหัวหน้าแก๊งก็จะสั่งการให้ลูกน้องไปถอนเงินออกจากบัญชี โดยพบความเสียหายแล้วกว่าวันละหลายสิบล้านเยน
จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์ 2 ที่ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดพัทยา และศาลอนุมัติหมายค้นให้เข้าตรวจค้น จุดที่ 1 บ้านพูลวิลล่าหรู เป็นบ้านระดับหัวหน้าสั่งการ
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นพบคนสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 2 ราย คือ นายทากายูกิ และ นายฮาจิเมะ (สงวนชื่อเต็ม) พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์เป็นผู้ควบคุม และสั่งการพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือ แทปเล็ตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมจำนวน 42 รายการ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง และพบภาพการสนทนากับสมาชิกคอลเซ็นเตอร์ , สคริปและข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น
จุดที่ 2 เข้าตรวจค้นที่บ้านพูลวิลล่า ซึ่งเป็นบ้านทำปฏิบัติการคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจค้นพบคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 3 ราย คือ นายเคนจิโระ ,นายทากาฮิโระ และ นายคัตสึฮิโตะ พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือแทปเล็ต กระดานรายชื่อและข้อมูลของผู้เสียหาย รวมจำนวน 37 รายการ ซึ่งพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็น แก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง คือ ภาพสคริปการสนทนากับเหยื่อ ข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น
เบื้องต้น สตม. ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวทั้ง 5 ราย เนื่องจากเชื่อว่าเป็นภัยต่อสังคม จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน สตม. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า หัวหน้าแก๊งเคยเป็นสมาชิกยากูซ่า แก๊งยามากูจิ ในประเทศญี่ปุ่น โดยตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกลวง ในแต่ละวัน มากถึง 24,000,000 เยน หรือประมาณ 5 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดนำเงินไปฟอกโดยการเปิดธุรกิจมีลักษณะการใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลการกระทำความผิดต่อไป