ครม.เห็นชอบเพิ่มอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทน กรณี ‘สงเคราะห์บุตร’ จากเดือนละ 800 บาท เป็นเดือนละ 1 พันบาท เริ่ม 1 ม.ค.ปีหน้า พร้อมไฟเขียวลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯ ในที่ดินที่เป็นที่ตั้ง ‘โรงผลิตน้ำประปา’ เหลือ 50%
..........................................
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร เพื่อช่วยบรรเทาภาระในการเลี้ยงดูบุตรของผู้ประกันตน จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเพื่อให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้ประกันตน
สำหรับร่างกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการส่งเสริมการเพิ่มอัตราการมีบุตรของผู้ประกันตนและเป็นการบรรเทาภาระการเลี้ยงดูบุตรของผู้ประกันตนให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.เพิ่มอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร เหมาจ่ายเป็นเงินในอัตรา 1,000 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน (เดิม เหมาจ่ายในอัตรา 800 บาท ต่อเดือนต่อบุตร 1 คน)
2.กําหนดให้มีผลใช้บังคับสำหรับการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีแต่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเสริมเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลา กรณีนายจ้างยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ตามที่ กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ
สำหรับร่างประกาศกระทรวงแรงงานฯ ฉบับนี้ กำหนดให้ขยายกำหนดเวลา กรณีนายจ้างยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบฯ ออกไปอีก 7 วันทำการนับแต่วันที่พ้นกำหนดวันที่ 15 ของเดือนถัดไปจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบไว้ สำหรับค่าจ้างตั้งแต่เดือน ม.ค.2568 ถึงเดือน ธ.ค.2572 เป็นระยะเวลา 60 เดือน โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 เป็นต้นไป
นายคารม ยังกล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ยังมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ โดยมีสำคัญ คือ ให้ที่ดินเป็นที่ตั้งของโรงผลิตน้ำประปาและโรงผลิตน้ำประปา รวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นที่ใช้ประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับการผลิตน้ำประปา ได้รับลดภาษีในอัตราร้อยละ 50 ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสีย และให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ต้องเริ่มดำเนินการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในวันที่ 1 ม.ค.2568 อันจะทำให้ อปท. สามารถจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิตน้ำประปาให้แก่กิจการผลิตน้ำประปาซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ
นายคารม ระบุว่า กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่ามาตรการภาษีดังกล่าวจะทำให้ อปท. สูญเสียรายได้ประมาณ 54.45 ล้านบาทต่อปี แต่จะเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิตน้ำประปาให้แก่กิจการผลิตน้ำประปาซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ อันจะเป็นการส่งเสริมการดำเนินกิจการผลิตน้ำประปาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการผลิตน้ำประปายังคงมีภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของอาคารซ่อมและบำรุงรักษาภายในโรงงานผลิตน้ำ โดยไม่ได้รับการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามมาตรการดังกล่าว