
พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ตรวจค้น 5 จุด ปทุมธานี-สมุทรสาคร-กรุงเทพฯ จับกลุ่มผู้ต้องหา 8 คนไทย - 1 เกาหลี แอบอ้างเป็นบริษัทจัดหางานส่งแรงงานไทยไปทำงานที่นิวซีแลนด์และเกาหลีใต้ ยึดหนังสือเดินทางเหยื่อ 450 เล่ม ลวง ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนหลักแสน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 4 ธันวาคม 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บบ.ก.) พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ผบก.ปคม.) ร่วมกับ นายสนธยา กาลาศรี ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน นายจัสติน อัลเวส ที่ปรึกษาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนิวซีแลนด์ นายมิสคาริน มัลธัส ที่ปรึกษาตำรวจนิวซีแลนด์ และนายลี ยองกอน ผู้ช่วยตำรวจสถานทูตเกาหลี เปิดปฏิบัติการ ‘ปิดตำนานกงจู’ รวบบริษัทจัดหางาน หลอกคนไทยไปทำงานประเทศนิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 9 ล้านบาท

พล.ต.ต.ศารุติกล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติการครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2567 ต่อเนื่องวันนี้ เจ้าหน้าที่ บก.ปคม.ได้จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย ประกอบด้วย นายอดิเรก พรมมา อายุ 29 ปี น.ส.จรรยา ทองผา อายุ 37 ปี น.ส.รจนา ดูงาม อายุ 41 ปี นายโอฬาร อมาตยกุล อายุ 43 ปี นายธนกฤต เชื้อปู่คง อายุ 64 ปี ตามหมายจับศาลอาญาข้อหาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 ฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน
พล.ต.ต.ศารุติกล่าวว่า นอกจากนี้ยังจับ น.ส.สุภาภรณ์ สมสวย อายุ 48 ปี นายไฮไซ มงคล อายุ 41 ปี และ น.ส.สุกัญญา วิริยนนท์ อายุ 64 ปี ตามหมายจับข้อหา พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 และฉ้อโกงประชาชน รวมทั้งยังจับกุม นาย ฮุน ซู คอง (Mr.HYUN SOO KONG ) อายุ 67 ปี ชาวเกาหลีใต้ ข้อหาร่วมกันจัดหางานให้คนหางาน เพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง
พล.ต.ต.ศารุติกล่าวว่า โดยจับผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่บ้านพักย่านคลองสี่ จ.ปทุมธานี รวมทั้งตรวจค้นอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ สุขุมวิทซอย 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา หลังพบว่าเป็นสถานที่นัดผู้เสียหายมาทำเอกสารเพื่อไปทำงานที่ประเทศนิวซีแลนด์ พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆ ประกอบด้วย โฉนดที่ดิน สมุดบัญชีธนาคาร 17 เล่ม ทองคำหนัก 10 บาท รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และ หนังสือเดินทางไทยที่เชื่อว่าเหยื่อนำมาสมัครงานรวม 450 เล่ม
พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก กองกำกับการ 1 บก.ปคม. ได้รับหนังสือร้องทุกข์ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกรมการจัดหางานให้ตรวจสอบบริษัท กงจู วีซ่า เซอวิส จำกัด ย่านกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังมีผู้เสียหาย 13 รายเข้าร้องทุกข์ว่ามีผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 จากการสืบสวนพบบริษัทดังกล่าว มีพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาน่าเชื่อว่า กระทำการเป็นขบวนการหลอกลวง โดยเริ่มหลอกลวงประชาชนทั่วไป ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2566 - ก.ค. 2567 มีการวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำตลอดเรื่อยมา โดยผู้ต้องหากลุ่มแรกจะทำหน้าที่จดทะเบียนบริษัทบังหน้าว่าเป็นบริษัทจัดหางาน เพื่อส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ

พล.ต.ต.ศารุติกล่าวว่า จากนั้นผู้ต้องหาอีกกลุ่มจะพูดจาหว่านล้อมหลอกลวงประชาชนทั่วไปว่า สามารถยื่นขอวีซ่าและจัดหางานที่ประเทศนิวซีแลนด์ให้ได้ เนื่องจากได้รับสิทธิ (โควตา) จากนายจ้างที่ประเทศนิวซีแลนด์ ให้หาคนไปทำงานประเภทงานเกษตร งานช่างตกแต่ง โรงงานขนมปัง โดยจะมีการสร้างความน่าเชื่อถือโดยการหลอกลวงว่าเคยมีผู้สมัครแล้วได้ไปทำงานจริง โดยที่นายจ้างและงานทั้งหมดไม่มีอยู่จริง
พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบเอกสารยังพบว่าไม่ตรงกับความจริง เช่น มีการหลอกลวงผู้เสียหายว่าได้รับวีซ่าประเภทถาวร และมีการเรียกเก็บค่าบริการเกินราคามาตรฐานบริษัทจัดหางานทั่วไป โดยไม่ได้มีเจตนาจัดหางานให้ผู้เสียหายทั้ง 13 คน ไปทำงานที่ประเทศนิวซีแลนด์ได้จริง และยังพบว่ามีการหลอกลวงผู้เสียหายโดยใช้แผนพฤติกรรมรูปแบบเดิม สร้างความเสียหายต่อประชาชนผู้ที่ต้องการเดินทางทำงานต่างประเทศ และมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ขอศาลอาญาออกหมายจับและหมายค้น ก่อนที่จะจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดและตรวจยึดทรัพย์สินได้ดังกล่าว
พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวว่า จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบข้อมูลอีกว่าผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวได้ลักลอบเปิดบริษัทจัดหางาน ที่ อ.เมืองมุกดาหาร เป็นตัวแทนจัดหาแรงงานไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้อีก โดยพบเอกสารและหนังสือเดินทางของผู้เสียหายที่ต้องการไปทำงานที่เกาหลีใต้กว่า 450 คน สำหรับกรณีนี้ผู้เสียหายได้ชำระเงินค่าดำเนินการไปแล้วรายละ 5,000 บาท และจะต้องจ่ายเงินก้อนอีก 8 หมื่นบาท โดยกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่า ถ้าได้ไปทำงานที่เกาหลีใต้จะได้ค่าตอบแทนหลักแสนบาทต่อเดือนด้วย

พล.ต.ต.ศารุติกล่าวว่า จากการสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 8 รายให้การปฏิเสธ อ้างว่าสามารถดำเนินการจัดหางานให้กลุ่มแรงงานได้จริงแต่ขณะนี้ติดขั้นตอนการยื่นวีซ่า จึงทำให้กระบวนการล่าช้า จึงนำตัวทั้งหมดส่ง กก.1.บก.ปคม.ดำเนินคดีและขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป
พล.ต.ต.ศารุติกล่าวว่า สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 8 รายนั้น เดิมทีเปิดบริษัทจัดหางานหลอกคนงานไปทำงานที่ประเทศนิวซีแลนด์อย่างเดียว หลังจากได้เจอกับนายฮุน ซู คอง แล้วจึงได้เริ่มร่วมแก๊งหลอกคนที่จะไปทำงานที่เกาหลีใต้เพิ่มอีกประเทศนึง จากการตรวจสอบประวัตินายฮุน ซู คิง พบว่ามีหมายจับฉ้อโกง 19 ล้านบาท ที่ประเทศเกาหลีใต้ และยังมีคดีฉ้อโกง ท้องที่สน.สายไหม อีกคดี ก่อนจะมาถูกตำรวจ ปคม.จับกุมได้ในครั้งนี้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา