‘สภาผู้บริโภค-เครือข่าย’ จ่อยื่นหนังสือถึง ‘กรมการขนส่งทางบก’ ทบทวนแผนปฏิรูปเส้นทาง ‘รถเมล์’ ในกรุงเทพฯ เชื่อทำประชาชนเดือดร้อน-เกิดปัญหาการ ‘ผูกขาด’ เส้นทาง
...................................
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. สภาองค์กรของผู้บริโภค ร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เครือข่ายเพจรถเมล์ไทย และเพจ Bangkok bus club เปิดแถลงข่าวเรื่อง ‘ทบทวนปฏิรูปรถเมล์ หยุดบาดแผลคนกรุง’ หลังองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะทยอยปรับปรุงเส้นทางรถโดยสารประจำทางในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวม 107 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.2567 ซึ่งจะทำให้รถโดยสารประจำทาง เส้นทางเดิม 14 สาย ต้องหยุดให้บริการเดินรถ
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า การจะมีการยุบเส้นทางให้บริการเดินรถโดยสารประจำทางเดิมให้เหลือแต่เส้นทางปฏิรูปฯ อย่างเดียวนั้น เชื่อว่าจะมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่เดือดร้อน ทั้งจากปัญหาค่าโดยสารแพงขึ้น เพราะต่อรถหลายต่อ ปัญหารถน้อย และรถไม่พอคอยนาน ดังนั้น จึงอยากให้กรมการขนส่งทางบกกำกับเอกชนให้มีการเดินรถให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
“การปฏิรูปรถเมล์ ต้องทำให้คนเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก เพียงพอ ด้วยราคาค่าโดยสารที่ถูกลง และผู้ใช้บริการควรมีส่วนร่วมในการกำหนดเส้นทางการเดินรถด้วย ซึ่งในเร็วๆนี้ สภาผู้บริโภคจะทำสมุดปกขาว เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รับทราบถึงข้อเท็จจริงของปัญหาการให้บริการรถโดยสารประจำทาง เพื่อสร้างมาตรฐานการให้บริการ รวมไปถึงเรื่องตั๋วร่วม” น.ส.สารี กล่าว
น.ส.สารี ระบุด้วยว่า สภาผู้บริโภคจะจัดทำข้อเสนอไปถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า “รถเมล์ฟรีต้องกลับมา และต้องเป็นรถเมล์แอร์ไม่ใช่รถเมล์ร้อน”
ด้าน นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า หลังการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ รถเมล์จะไม่เพียงพอในช่วงเวลาเร่งด่วน โดยเฉพาะใน 14 เส้นทาง ซึ่งเป็นเส้นทางวิ่งสายยาว แต่ ขสมก. ยกเลิกวิ่งสายยาว หลังวันที่ 31 ส.ค.2567 เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายใหม่ที่ต้องการให้รถเมล์วิ่งระยะสั้นมากขึ้น ภายใต้แผนปฏิรูปรถเมล์ที่ตั้งเป้าเป็น “1 เส้นทาง 1 ผู้ประกอบการ” ซึ่งจะทำให้เกิดการผูกขาดเส้นทาง
“ผลกระทบจากการปฏิรูปรถเมล์ ทำให้ค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะราคาค่าโดยสารของเอกชน คือ บริษัทไทยสมายล์ บัส ค่าโดยสารจะเริ่มต้น 15 บาท ในขณะที่ ขสมก. เริ่มต้นเพียง 8 บาทเท่านั้น คนที่มีรายได้น้อย หากต้องนั่งรถเมล์วันละหลายสายหลายต่อ ค่าแรงจากการทำงานที่ได้มา ก็จะไม่เพียงพอกับค่ารถ นี่คือ ภาระค่าโดยสารเพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็น” นางนฤมล ระบุ
นายอภิสิทธิ์ มานตรี ผู้ดูแลเพจรถเมล์ไทย กล่าวว่า เพจรถเมล์ไทย ในฐานะเครือข่ายผู้บริโภค เคยเข้าประชุมหารือกับ ขสมก. ในประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของผู้โดยสารรถเมล์ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเส้นทางรถเมล์ตามโครงการปฏิรูปรถเมล์ โดยเส้นทางที่มีการร้องเรียนมากที่สุด และเสนอให้แก้ไขเร่งด่วนที่สุด มี 5 เส้นทาง ได้แก่ สาย 68 แสมดำ-บางลำพู, สาย 195 กรมศุลกากร-เดอะมอลล์ท่าพระ, สาย 205 วงกลมคลองเตย-เดอะมอลล์ท่าพระ, สาย 511 ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ และสาย 65 วัดปากน้ำ (นนท์)-สนามหลวง
“เส้นทางรถเมล์บางเส้นทางที่ยังไม่ได้ประมูล ยังเกิดปัญหาฟันหลอให้บริการไม่ครบ 269 เส้นทาง จึงเชื่อว่าหลังจากวันที่ 31 ส.ค. ที่จะมีรถเมล์หยุดวิ่งให้บริการเพิ่มอีก จะเกิดความโกลาหลกับการใช้บริการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพและปริมณฑลแน่นอน ส่วนเลขสายรถเมล์ ก็สร้างความสับสนให้กับผู้ใช้บริการ จึงอยากให้มีการทบทวนเลขสายรถเมล์แบบใหม่ด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ขณะที่ นายมารุต จันทน์โรจน์ ผู้แทนจากเพจ Bangkok bus club กล่าวว่า แม้ว่าภาพรวมการปฏิรูปเส้นทางเดินรถโดยสารของ ขสมก. จะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มากกว่าเส้นทางเดิม แต่ก็ทำให้ผู้โดยสารบางส่วนได้รับผลกระทบจากการไม่สามารถใช้บริการรถเมล์ได้เหมือนเดิม บางพื้นที่รถเมล์ให้บริการน้อยลง และบางพื้นที่ก็ไม่มีรถเมล์วิ่งให้บริการเลย เช่น สาย 205 (3-51) เส้นทางถูกปรับใหม่ หรือสาย 520 เป็นต้น
“การปรับเส้นทางเดินรถใหม่ ไม่มีการคิดถึงจุดเชื่อมต่อ หรือตั๋วร่วม เพื่อให้ผู้ใช้บริการสะดวกขึ้น ราคาถูกลง บางเส้นทางการปฏิรูปที่อ้างเพื่อลดความซับซ้อน กลับทำให้ถนนบางเส้นมีสายรถเมล์วิ่งให้บริการน้อยลง ขณะที่ผู้ใช้บริการไม่ได้น้อยลงเลย เช่น เส้นสุขุมวิท บางซ่อน ฉะนั้น แนวคิดเรื่องเส้นทางทับซ้อน กับจำนวนผู้ใช้บริการ หน่วยงานรัฐควรพิจารณาแก้ปัญหามากกว่าการลด หรือตัดทิ้งเส้นทางเดินรถดังกล่าว” นายมารุต กล่าว
นายมารุต กล่าวด้วยว่า ในช่วงของการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ 7 ปีที่ผ่านมานั้น หลายเส้นทางไม่สอดคล้องกับความต้องการ หรือสภาพบ้านเมืองในปัจจุบัน ดังนั้น จึงถึงเวลาทบทวนเส้นทางที่มีปัญหาจากการปฏิรูปรถเมล์
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 3 ก.ย.2567 สภาองค์กรของผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค จะเข้ายื่นข้อเสนอต่อกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอให้มีทบทวนการปฏิรูปเส้นทางรถรถเมล์โดยสารในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะขอให้ทบทวนข้อกำหนด ‘1 เส้นทาง 1 ผู้ประกอบการ’ ที่ทำให้ไม่มีรถเพียงพอกับประชาชนที่ใช้บริการ, มีมาตรการจัดการระบบรถโดยสารให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และจัดให้มีเส้นทางการเดินรถเมล์โดยสารที่สะดวกรวดเร็ว
การเสนอให้มีป้ายรถเมล์ที่บอกรายละเอียดเส้นทางเดินรถจากจุดเริ่มต้น เส้นทางที่ผ่าน และจุดหมายปลายทางทุกป้ายรถเมล์ ,ขอให้มีรถเมล์ร้อนให้บริการเหมือนเดิมและราคาต้องเป็นมาตรฐานเดียว ,ให้ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้มีบัตรสวัสดิการของรัฐต้องสามารถใช้บริการของเอกชนได้ และเสนอให้มีระบบเชื่อมต่อรถเมล์โดยสารระหว่างรัฐวิสาหกิจและเอกชน แต่ค่าโดยสารต้องไม่เกิน 30 บาทต่อวัน เป็นต้น