'ทวี สอดส่อง' ยืนยันจับ 'แป้ง นาโหนด' ได้แล้วที่อินโดนีเซีย เผยที่ผ่านมาอีกฝ่ายโดนจับคดีพาสปอร์ตปลอมหลายครั้ง แต่แกล้งเป็นใบ้จนรอดมาได้ ก่อนถูกจับคดีทำร้ายร่างกายผู้หญิง จน ตร.อินโดฯ จับพิรุธได้-จ่อบินรับตัวพรุ่งนี้ ขณะ รก.ผบ.ตร.แจงตอนนี้กำลังประสานเรื่องอยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 30 พ.ค. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการจับกุมนายเชาวลิต ทองด้วงหรือแป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาในคดีหลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ระหว่างเข้ารับการรักษาตัวว่า ทางรัฐบาลอินโดนีเซียได้ทำการจับกุมได้ที่เกาะบาหลี
โดยในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.2567) จะประสานรับตัวที่เมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และสืบเนื่องจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กระทรวงการต่างประเทศติดตามอย่างใกล้ชิด
และเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ได้ให้ตนเดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซีย เพื่อประสานกับทางการ พร้อมกับมีการคาดการณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการต่างประเทศ
เนื่องจากนายเชาวลิตได้หนีออกจากประเทศไทย และปลอมพาสปอร์ต เป็นคนจังหวัดอาเจะห์ และไปอยู่ในอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่อย่างระมัดระวังตัว ส่วนใหญ่อยู่ในเมือง Kabupaten Badung เกาะบาหลี
รวมถึงในอีกหลายๆ เมือง ซึ่งทางรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยเฉพาะตำรวจก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนในช่วงเช้าที่ผ่านมาสามารถจับกุมได้ หลังจากได้ตัวก็คาดว่าน่าจะได้เครือข่ายสำคัญเกี่ยวกับคดียาเสพติด
พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ที่ผ่านมาทางการไทยได้ตามตัว นายเชาวลิต มาโดยตลอด ส่วนรายละเอียดการหลบหนี ขอให้ได้ตัว นายเชาวลิต จะได้รู้ข้อมูลที่มากกว่านี้ ซึ่งการนำตัวกลับไทยจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายของอินโดนีเซีย
โดยนายเชาวลิต ถือหนังสือเดินทางปลอมของอินโดนีเซีย และเคยถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้ง แต่เขาจะแสดงเป็นคนใบ้ เพราะไม่สามารถพูดภาษาของอินโดนีเซียได้ แต่การสืบสวนที่นำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้มาจากตำรวจไทย ก่อนจะประสานไปยังอินโดนีเซีย
เมื่อถามว่า จากการสืบสวนมีคนให้ความช่วยเหลือ นายเชาวลิต ในการหลบหนีออกนอกประเทศหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้รอการสืบสวนสอบสวน แต่พบว่า มีคนบินจากไทยไปหา นายเชาวลิต ที่อินโดนีเซีย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
ส่วนจะเป็นคนในครอบครัวหรือไม่ ขอให้รอการตรวจสอบ เพราะการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ไม่ได้โยงมาจากครอบครัว แต่โยงมาจากคนอินโดนีเซียที่ถูกจับเป็นเรียกค่าไถ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่จะมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน
"ต้องยอมรับว่าเขาเป็นมืออาชีพ จนตำรวจอินโดนีเซียบอกว่า นี่คือมืออาชีพที่แท้จริง กว่าเราจะรู้เขาก็หนีออกนอกประเทศไปแล้ว อาจจะหนีทางเรือ เราต้องดูคำรับสารภาพของเขาอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าเขาเป็นมืออาชีพ เราจะรู้จักก็ได้จัดชุดขึ้นมาโดยเฉพาะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ และต้องขอบคุณตำรวจที่จะไม่ปล่อย มีการฝังตัวตลอด จนนำจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปสู่การตรวจสอบการเดินทางว่าทำไมถึงเดินทางไปที่เมดัน" พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวีเปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบว่า นายเชาวลิต หนีไปอยู่ที่เมืองเมดัน ประเทศอินโดนีเซีย พบว่า มีคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น ส่วนการจับกุม สามารถไปจับกุมได้ระหว่างบินไปเที่ยวที่เกาะบาหลี และขอเวลาในการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อขยายผลซึ่งหลังจากการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งภาพพร้อมคลิปวิดีโอนายเชาวลิต มาให้ตน ขอยืนยันว่า เป็นตัวจริง เพราะได้วิดีโอคอล พูดคุยกับ นายเชาวลิต ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าจนมุมแล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวต่อว่าจึงได้ขอให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และให้การรับรองเรื่องความปลอดภัย ทั้งนี้ นายเชาวลิต ไม่เคยเตรียมตัวว่าจะถูกจับ เพราะเขาคิดว่าปลอดภัยที่สุดเขาจึงไปเที่ยว ถ้าหากคิดว่าไม่ปลอดภัยคงอยู่แต่ในห้อง แต่เมื่อไปเที่ยวก็ไปทะเลาะกับผู้หญิงอินโดฯ และมีการทำร้ายร่างกายจึงเป็นที่มาที่ตำรวจไปพบ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวยอมรับว่า ส่วนตัวจะเดินทางไปที่อินโดนีเซียเพื่อรับตัวนายเชาวลิต กลับมาดำเนินคดีในไทยในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) ด้วยตัวเอง
นายเชาวลิต ทองด้วงหรือแป้ง นาโหนด
ต่อมาในเวลา 15.45 น. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียสามารถควบคุมตัวนายชวลิต ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการยืนยันการจับกุมอย่างเป็นทางการจากทางประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นทางตำรวจไทยจะประสานเรื่องการส่งตัวเสียแป้งกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า การจับกุมตัวนายชวลิต ในครั้งนี้เป็นไปตามหมายจับตำรวจสากล (หมายแดง) หรืออินเตอร์โพลของประเทศไทยในข้อหาต่อสู้ขัดขวางและหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจำเป็นต้องนำตัวกลับมาดำเนินคดีในราชอาณาจักรไทย ส่วนข้อหาการปลอมแปลงพาสปอร์ต หรือการกระทำความผิดอื่นๆที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซียนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน
รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวต่อว่าขณะนี้ได้เรียกให้กองการต่างประเทศ ให้ประสานงานกับทางตำรวจอินโดนีเซีย เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย ส่วนจะมีขั้นตอนประสานกันอย่างไรนั้น ขอหารือในรายละเอียดก่อน
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ยังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลและได้แกะรอยนายชวลิต ตั้งแต่หลบหนีไปอยู่ในป่า และข้ามทะเลไปยังอินโดนีเซีย โดยเร่งติดตามมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งได้เบาะแส ทำให้ทางการอินโดนีเซียสามารถจับกุมตัวได้ แต่จะใช้เส้นทางใดในการหลบหนี รวมทั้งมีบุคคลใดคอยให้การช่วยเหลือบ้างนั้นอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหนึ่งนายหรือไม่นั้น ยังไม่ได้รับรายงาน แต่จะรับไว้ตรวจสอบและขยายผล กรณีมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการโดยไม่มีละเว้น