'เศรษฐา ทวีสิน' ตรวจเยี่ยม กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีพร้อมสั่งรายงานผลจัดการปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ภายใน 30 วัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 ที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางตรวจราชการเพื่อหารือถึงปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และแก๊งหลอกลวงต่างๆ ที่ต้องการให้ยกระดับการทำงาน เพื่อคลี่คลายความเดือดร้อนให้เเก่ประชาชน โดย มีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.),พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) , พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) และนายตำรวจระดับผู้บัญชาการที่เกี่ยวข้อง รอต้อนรับในตรวจราชการครั้งนี้
นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัจจุบันกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์ กำลังถูกสังคมเพ่งเล็งเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่มาของการมาตรวจเยี่ยมครั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมากับการย้ายข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้ง 2 นาย ก็เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปได้ ไม่ไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.ท.วรวัฒน์ เป็นเด็กของคนนั้นคนนี้ ตนเองก็คิดว่าไม่ยุติธรรมกับ พล.ต.ท.วรวัฒน์ แต่ก็ไม่มีอะไรตอบสังคมได้ดีไปกว่าการปฏิบัติตัว ซึ่งรวมไปถึงผู้บัญชาการของหน่วยงานต่างๆ และเจ้าหน้าที่ทุกคน ต้องมีการพิสูจน์ตัวเอง ว่าจริงๆแล้วใครเป็นเจ้านายโดยแท้จริง ซึ่งไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่เป็นประชาชน
นายเศรษฐา กล่าวว่า ดังนั้นที่ตนเองมาในวันนี้เพื่อต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญในระยะเวลาอันใกล้ ต้องการให้เกิดผลงานที่ชัดเจนโดยเร็ว และต้องไม่ใช่การจับกุมเพียงอาชญากรรายเล็ก แต่ต้องเป็นรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหวยออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันเถื่อน เฟคนิวส์ ซึ่งกระทบต่อพี่น้องประชาชน การที่ประชาชนถูกหลอกลวงต้มตุ๋น ไม่ใช่ปัญหาของประชาชนที่ถูกหลอกลวง แต่เป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศด้วย ดังนั้นผลงานของตำรวจไซเบอร์ต้องเป็นที่ประจักษ์ภายใน 30 วัน มิฉะนั้นมีปัญหาแน่นอน
"ส่วนคดีความของ 2 มีตำรวจก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของยุติธรรม" นายเศรษฐา กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ เปิดเผยว่า พูดคุยความขัดแย้งระหว่างสองนายตำรวจ และเน้นย้ำให้ตำรวจไซเบอร์มีผลงานการจับกุมและรายงานผลปฏิบัติงานที่ชัดเจนภายใน 30 วัน โดยเน้นเป็นอาชญากรรายใหญ่นั้น
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวต่อว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีได้กำชับมาแล้วก็จะต้องปฏิบัติให้เต็มที่ โดยมีผลงานเป็นรูปธรรมเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาโดยตลอด ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ระบุว่าต้องดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 30 วันนั้นเนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้เห็นปัญหาความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นต้นเหตุ จึงได้มีการกำชับการปฏิบัติให้มีความเข้มมากขึ้น หากไม่สามารถปฏิบัติได้ก็จะต้องพิจารณาตัวเองว่าทำไม่ได้
พล.ต.ท. วรวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า ความขัดแย้งระหว่างสองนายตำรวจใหญ่ที่ผ่านมานั้นให้ถือเป็นเรื่องในอดีตที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ทั้งยังกล่าวถึงกรณีที่ตนถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กของใครนั้น โดยนายกรัฐมนตรีก็รู้สึกสงสารตนจึงอยากให้ตนงานทำงานพิสูจน์ตนเอง โดยจะนำประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมกำชับให้ดำเนินการกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเน้นย้ำให้มีผลงานการจับกุมและรายงานผลปฏิบัติที่ชัดเจนภายใน 30 วัน โดยเน้นเป็นอาชญากรรายใหญ่นั้น
"ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ระบุว่าต้องดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 30 วันนั้นเนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้เห็นปัญหาความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นต้นเหตุ จึงได้มีการกำชับการปฏิบัติให้มีความเข้มมากขึ้น หากไม่สามารถปฏิบัติได้ก็จะต้องพิจารณาตัวเองว่าเราทำไม่ได้" พล.ต.ท. วรวัฒน์ กล่าว