ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการ CIB breaks up online scam syndicate สกัดภัยออนไลน์ข้ามชาติ หลอกลงทุนผ่านแอปฯเสียหายกว่า 800 ล้านบาท รวบคนร้าย ไทย-มาเลเซีย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยว่า ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม MR.LI KUAN YI สัญชาติมาเลเซีย อายุ 26 ปี MR.CHEONG KOK WAI สัญชาติมาเลเซีย อายุ 42 ปี และ น.ส.ณัฐนิช นาคชื่น หรือ เม อายุ 30 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเอง หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้ หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”
จับกุมได้ที่ คอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง ถ.พระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ และในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์ 33 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 65 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 84 เล่ม บัตรกดเงินสด 13 ใบ ซิมการ์ด 25 อัน กระเป๋าแบรนด์เนม 15 ใบ นาฬิกาแบรนด์เนม 7 เรือน และรถยนต์ Mercedes-benz 1 คัน รวมมูลค่าของกลางทั้งหมด 8 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.3 บก.ปอศ. ว่าได้ถูกกลุ่มคนร้ายชักชวนผ่านเพจเฟซบุ๊กหลอกให้ลงทุนหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ โดยมีการแอบอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการหุ้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนชักชวนเข้าร่วมกลุ่มไลน์ VIP แนะนำการลงทุนในหุ้นต่างประเทศซึ่งมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือสูง และมีข้อมูลลับที่ใช้ในการลงทุน โดยให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน Nicshare ซึ่งเป็นแอปปลอม โดยช่วงแรกสามารถทำกำไรได้จริง และสามารถถอนเงินได้บางส่วน เพื่อตั้งใจให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และโอนเงินลงทุนเพิ่มอีกหลายครั้ง
ต่อมา เมื่อลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ โดยกลุ่มคนร้ายอ้างว่าถ้าต้องการจะถอนเงินจะต้องการวางเงินประกันการลงทุนเพิ่มและจะต้องเสียภาษี 20% ของกำไร จึงจะสามารถถอนเงินได้ เมื่อผู้เสียหายทำตามที่คนร้ายบอก แต่ก็ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ และยังมีการอ้างว่าผู้เสียหายจะต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่าประกัน และค่าภาษีเพิ่มซ้ำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเมื่อตรวจสอบยังพบว่า แอปพลิเคชัน ดังกล่าว ไม่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่อย่างใด เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายกว่า 50 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวนกว่า 800 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสามคนที่จับได้นับเป็นตัวการหลัก ซึ่งขณะนี้กำลังสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลือต่อไป
"ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนที่สนใจลงทุนในหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับบริษัทต่างประเทศ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ท่านอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพโดยไม่รู้ตัว หากต้องการลงทุนแนะนำให้เลือกลงทุนกับบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้น เพื่อป้องกันมิให้ถูกหลอกลวงและเกิดความเสียหาย จากผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาต และกลุ่มมิจฉาชีพ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ และหากไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมาย สามารถแจ้งมาได้โดยตรงที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง" พล.ต.ท.จิรภพ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. กล่าวว่า ภายหลังรับเรื่องร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. จึงได้ร่วมกันสืบสวน กระทั่งทราบข้อมูลและกระบวนการหลอกลงทุนดังกล่าว ว่ามีผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนหลายรายและมีพื้นที่ที่ใช้ในการกระทำความผิดหลายพื้นที่ ทั้งในและต่างประเทศ พบมีนายทุนเป็นชาวต่างชาติ สัญชาติมาเลเซียเชื้อสายจีนจำนวนหลายราย เบื้องต้นพบยอดเงินหมุนเวียนในกลุ่มคนร้ายกว่า 5,000 ล้านบาท พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมขอศาลอาญาฯออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 50 กว่าราย
พ.ต.อ.ธีรภาส กล่าวต่อว่า หลังสืบสวนจึงเปิดปฏิบัติการ “CIB breaks up online scam syndicate สกัดภัยอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ” โดยนำหมายค้นศาลอาญาฯ เข้าตรวจค้นคอนโดมีเนียมหรู 5 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 ราย ได้แก่ MR.LI อายุ 26 ปี สัญชาติมาเลเซีย และ น.ส.ณัฐนิชฯ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นแฟนกัน และทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบุคคลเพื่อจดจัดตั้งนิติบุคคลและเปิดบัญชีม้า ตามคำสั่งของนายทุนซึ่งเป็นชาวต่างชาติ สัญชาติมาเลเซีย เชื้อสายจีน
จากการตรวจค้นพบพยานหลักฐาน เป็น เป็นของกลาง และหลักฐานอื่นๆอีกหลายรายการที่ได้หรือใช้ในการกระทำความผิด นอกจากนี้ยังสามารถจับกุม MR.CHEONG อายุ 42 ปี สัญชาติมาเลเซีย ได้อีก 1 ราย ในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยเป็นนายทุนและเป็นผู้มาติดต่อรับบัญชีจากผู้ต้องหาทั้ง 2 รายข้างต้น พร้อมกับตรวจยึดรถหรู ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-benz) ได้จำนวน 1 คัน มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท
จากการตรวจสอบประวัติ MR.LI สัญชาติมาเลเซีย พบว่ามีประวัติเคยต้องโทษ ถูกดำเนินคดีที่ประเทศมาเลเซีย ในข้อหาเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน(บัญชีม้า) รับโอนเงินจากการกระทำความผิดมาแล้วกว่า 5 ครั้ง ก่อนจะเข้ามาพักอาศัยในประเทศไทยได้ประมาณ 3 ปี โดยไม่พบประวัติการทำงานในไทยแต่อย่างใด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด และของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน พร้อมจะทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิดในขบวนการ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การรับสารภาพบางข้อกล่าวหา โดยรับสารภาพว่าได้ รับว่าจ้างจากนายทุนชาวต่างชาติ ให้หาบุคคลเพื่อจดจัดตั้งนิติบุคคลและเปิดบัญชีธนาคารในนามนิติบุคคลเพื่อให้สอดคล้องกับแอปพลิเคชันที่ใช้ในการหลอกลงทุน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และหลบเลี่ยงการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินของภาครัฐ ซึ่งเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วนายทุนชาวต่างชาติจะส่งคนมารับบัญชีที่ประเทศไทย โดยได้รับค่าจ้างในการดำเนินการดังกล่าวเริ่มต้นครั้งละ 100,000 บาท ทำมาแล้ว 2 ปีกว่า ก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับกุมไว้ดังกล่าว