‘เศรษฐา’ บินเชียงใหม่ ถกแผนงานด้านคมนาคมทั้งระบบราง - รถแดง - ถนน - สนามบิน พร้อมห่วงปัญหา PM2.5 ขอทุกฝ่ายร่วมมือกัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 มกราคม 2567 ณ ห้องประชุมเดชะตุงคะ กองบิน 41 อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการดําเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และการเชื่อมโยงระบบขนส่งและเดินทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับฟังและติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งตามนโยบายรัฐบาลและการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า ได้แก่
1) ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสนามบินล้านนา (สนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2)
2) ความคืบหน้าโครงการรถแดงไฟฟ้า (EV)
3) ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบ 3 เชียงใหม่
4) แผนการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยว 7 แห่ง
5) การพัฒนาถนนเพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงเชียงใหม่และจังหวัดในภาคเหนือ
6) การดําเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวตรวจราชการจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566
7) การปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละออง PM2.5 พื้นที่ภาคเหนือ
8) ข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละออง PM2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่
@สั่งเดินหน้า LRT - รถแดงไฟฟ้า
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่ (ระบบหลัก LRT หรือรถไฟฟ้า) ว่า เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหา PM 2.5 ได้ด้วย รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อย่างเชื่อมโยงเป็นระบบ และสามารถแก้ปัญหาการจราจรได้อีกด้วย พร้อมชื่นชมการดำเนินงานระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 7 แห่ง (ไนท์ซาฟารี ศูนย์ประชุม และแสดงสินค้านานาชาติ น้ำตกห้วยแก้ว สวนสัตว์เชียงใหม่ เวียงกุมกาม อุทยานราชพฤกษ์ และวัดพระธาตุดอยคำ)
รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงการเดินหน้าโครงการรถแดงไฟฟ้า (EV) ถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะรถแดงเป็นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางและดูในเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำการดำเนินการรถแดง EV เฟสสองเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรม เพื่อจะเดินหน้าเรื่องนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่กำหนดไว้
@คิดแทนคนเชียงใหม่ ถ้ามาฟัง ‘สนามบินล้านนา’ จะใจชื้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำถึงโครงการก่อสร้างสนามบินล้านนา (สนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2) ว่า จากที่ได้รับฟังการนำเสนอของกระทรวงคมนาคม และบมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เชื่อว่าหากชาวจังหวัดเชียงใหม่ได้มารับฟังในห้องนี้จะน่าจะมีขวัญและกำลังใจขึ้นมาก จากการร่วมมือกันทำงานของทุกภาคส่วน รวมถึงนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนฝ่ายความมั่นคง กองทัพอากาศ ถือเป็นการทำงานที่คิดมาอย่างครบวงจรแล้ว
ทั้งนี้ อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดมีการบูรณาการทำงานกับทุกหน่วยงานเช่นเดียวกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี โดยการพัฒนาระบบขนส่งต่าง ๆ รวมทั้งทางอากาศจะทำให้ตัวเลขผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 เท่า รวมถึงนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องของวีซ่าฟรี ถือเป็นการทำงานกันอย่างสอดประสานใกล้ชิด
“เมื่อวานนี้ ผมและผู้ว่า ทอท. (กีรติ กิจมานะวัฒน์) หารือถึงเที่ยวบินที่อินเดียที่เข้ามาน้อยซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกับท่านทูตอินเดียถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวตอนนี้อันดับหนึ่งคือมาเลเซีย รองลงมาคือจีน และอันดับสามคือเกาหลี ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อนักท่องเที่ยวคือเรื่องของ PM 2.5 ซึ่งเราก็ได้มีการแก้ปัญหาและบริหารจัดการเรื่องนี้เป็นอย่างดี รวมถึงเรื่องคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการตอบโจทย์ในเรื่องนี้ทั้งในระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้สามารถเดินทางได้สะดวกในการเดินทางไปในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมถึงการรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่ดีของจังหวัดเชียงใหม่ในเรื่องของรถแดง (EV) ด้วย” นายกรัฐมนตรีระบุตอนหนึ่ง
@อ้อนมาฟังปัญหาคนเชียงใหม่
นายเศรษฐากล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้ว่า เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาต่าง ๆ และรับฟังปัญหาจากประชาชนชาวเชียงใหม่ โดยย้ำหนึ่งในประเด็นการดำเนินงานที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญคือ การเดินทางของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางทางอากาศ ทางถนน หรือการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ สำหรับจังหวัดเชียงใหม่นั้น นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงกับสนามบินและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัด รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายถนนให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ได้
@เดินหน้าสนามบินล้านนา - รื้อใหญ่รถแดง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสนามบินล้านนา (เชียงใหม่แห่งที่ 2) ว่า จากที่ได้สั่งการให้ ทอท. เร่งศึกษาแนวทางการพัฒนาสนามบินแห่งใหม่ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยสนามบินล้านนาที่จะก่อสร้างใหม่นั้น สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 21 ล้านคน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดผ่านการท่องเที่ยว สร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนชาวเชียงใหม่ได้อย่างแน่นอน
สำหรับโครงการรถแดงไฟฟ้า (EV) รัฐบาลให้ความสำคัญกับการผลักดันรถยนต์ EV ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดไม่มีการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสีย ประกอบกับจังหวัดเชียงใหม่มีปัญหาฝุ่น PM 2.5 ดังนั้น การเร่งผลักดันให้รถสาธารณะ (รถแดง) ในตัวเมืองเชียงใหม่ปรับเปลี่ยนมาขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จะเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้รถสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่ใช้พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และนอกเหนือจากการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าในการเดินรถแล้วนายกรัฐมนตรียังอยากให้รถสาธารณะของเมืองเชียงใหม่เร่งปรับปรุงเรื่องการจัดทำจุดจอดรับส่งผู้โดยสารที่ชัดเจน ปรับราคาค่าโดยสารที่เป็นมาตรฐานและสมเหตุสมผล รวมถึงมีเส้นทางเดินรถที่ครอบคลุมสามารถรองรับการขยายตัวของเมืองได้ในอนาคต ซึ่งการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าในการเดินรถ ผู้ให้บริการในปัจจุบันไม่ต้องกังวล เนื่องจากรัฐบาลจะจัดเตรียมแนวทางเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการเดินรถและพนักงานขับรถที่มีอยู่เดิม ให้มีความพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ในเมืองเชียงใหม่ไม่ว่าจะเป็นรถเที่ยวชมเมือง Hop & Go! ระบบรถไฟฟ้า LRT ทั้งบนดินและใต้ดินเพื่อการเดินทางในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่มีเส้นทางการเดินรถเชื่อมต่อสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ทั้งนี้ รัฐบาลอยากจะให้บริการสาธารณะดี ๆ แบบนี้ประสบผลสำเร็จในการเดินทางเพื่อจะได้มีนักลงทุนรายอื่นสนใจมาลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อการเดินทางท่องเที่ยวของพี่น้องประชาชน
@ไฟเขียว วงแหวน 3 เชียงใหม่
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบ 3 เชียงใหม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ได้รับทราบถึงการเดินทางในจังหวัดเชียงใหม่ ประชาชนจำนวนมากเดินทางมาจากพื้นที่และอำเภอโดยรอบเข้าสู่ตัวเมือง ส่งผลให้มีการจราจรหนาแน่นบนเส้นทางเข้าออกเมืองเชียงใหม่ โดยกรมทางหลวงได้มีแผนการก่อสร้างสะพานข้ามแยกบนถนนวงแหวนรอบที่ 3 เพื่อบรรเทาปัญหาจราจร ลดจุดตัดและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ขอให้เร่งรัดการดำเนินการออกแบบและก่อสร้างโดยเร็ว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะสั่งการให้กระทรวงคมนาคม เร่งรัดการพัฒนาถนนวงแหวนรอบที่ 4 และถนนเลี่ยงเมืองต้นเปา ซึ่งจะรองรับการเติบโตของเมืองในอนาคตและช่วยบรรเทาปัญหาการเดินทางในพื้นที่โดยรอบเมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะในเส้นทางไปอำเภอสันกำแพงซึ่งเส้นทางดังกล่าวจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการเดินทางสู่สนามบินล้านนาต่อไป
@ถมโครงข่ายคมนาคม เดินต่อเชื่อม 7 สถานที่ท่องเที่ยว
ขณะที่แผนการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยว 7 แห่ง นายกรัฐมนตรีระบุว่า ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการคมนาคมขนส่งในจังหวัดเชียงใหม่ เพราะนอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวเชียงใหม่แล้ว ยังจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดได้อีกด้วย ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ทุกรูปแบบ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม สถานบันเทิง รวมถึงศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการจัดงานได้ตลอดทั้งปี จึงขอให้มีการผลักดันแผนการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยว 7 แห่ง ตามที่เสนอมาให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น
ส่วนการพัฒนาถนนเพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงเชียงใหม่และจังหวัดในภาคเหนือนั้น นายกรัฐมนตรีจะเร่งรัดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านงบประมาณ เร่งจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาปรับปรุงถนนเชื่อมโยงจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดข้างเคียง เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงราย เพื่อให้ประชาชนเดินทางสัญจรได้อย่างปลอดภัย และสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง (จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงราย) ได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้จังหวัดเชียงใหม่พัฒนาเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคเหนือ ผ่านการยกระดับโครงข่ายการเดินทางในภาพรวมตั้งแต่ทางอากาศและทางถนน ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือต่อไป พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ทั้งส่วนราชการและประชาชน ช่วยกันเร่งรัดการพัฒนาการคมนาคมขนส่งในจังหวัด และเสนอแนะปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไข เพื่อให้การเดินทางในจังหวัดมีคุณภาพที่ดี ตอบสนองความต้องการของประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
@จี้ทุกฝ่ายร่วมมือแก้ PM2.5
ต่อมา นายเศรษฐา มอบนโยบายการบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 ว่าสิ่งสำคัญคือ การลดจุดความร้อน (Hotspot) และการทำแนวกันไฟ ซึ่งต้องอาศัยร่วมแรงร่วมมือกันอย่างจริงจังทุกคนต้องช่วยกัน เริ่มตั้งแต่ สร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในการป้องกันปัญหา รวมทั้งขอความร่วมมือในการดูแลพื้นที่ป่า ลดการเผาป่า และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะต้องไม่เผาวัชพืชไม่เผาเศษวัสดุทางการเกษตร ให้เปลี่ยนเอามาใช้ทำปุ๋ย เพาะเห็ดหรือใช้เป็นพลังงานทดแทน ในขณะเดียวกัน ก็ต้องช่วยกันปลูกป่า เพื่อให้ป่ามีความชุ่มชื้น เมื่อไม่เกิดไฟก็ไม่มีควัน แต่เมื่อเกิดไฟแล้วก็ต้องช่วยกันดับ และป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ ซึ่งการจะแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 ให้บรรลุผลสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หากแต่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน
นายกรัฐมนตรีขอบคุณเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครควบคุมไฟป่าทุกคนที่เสียสละ ปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเข้มแข็ง ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งความร่วมมือของทุกคนในวันนี้ เชื่อมั่นว่า จุดความร้อนและจำนวนค่าฝุ่นละอองจะต้องลดลง คืนอากาศที่บริสุทธิ์ให้กับจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดี รัฐบาลได้มีการนำ พ.ร.บ.อากาศสะอาดเข้าสู่สภาแล้ว และการประชุมวันนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีอีกจุดหนึ่งในการดำเนินการเรื่องนี้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำในเรื่องของการการลดจุดความร้อน (Hotspot) ฝากให้ กอ.รมน. ได้ดูแลเรื่องนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้นั่งรถแดงไฟฟ้า (EV) ไป ณ จุดจอดอากาศยานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามความพร้อมปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 และชมสาธิตวิธีการปล่อยฝนหลวงด้วย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าขอให้มีการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติการ เนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีไฟป่าเพิ่มมากขึ้นจากความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้น และใกล้ที่จะเข้าสู่ฤดูแล้งของประเทศไทย อีกทั้งขอให้ตรวจเช็คสภาพอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ หากมีการชำรุดให้ดำเนินการซ่อมแซมโดยเร็ว