โออาร์จ่อตรึงราคาน้ำมันช่วงปีใหม่ ยันมีสำรองเพียงพอ พร้อมทุ่ม 600 ล. เปิดตัว พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 ตอบโจทย์ความยั่งยืน เล็งขยายธุรกิจใหม่ ด้านโรงแรม-ความงาม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2566 นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 (PTT Station Flagship วิภาวดี 62) ว่า ในช่วงปลายปี เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประชาชนจะมีการเดินทางท่องเที่ยว กลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดค่อนข้างสูง ทำให้มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปริมาณมาก ทางโออาร์มั่นได้เตรียมน้ำมันไว้รองรับให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ ยืนยันไม่มีปัญหาน้ำมันขาดแน่นอน เพราะเป็นมิชชั่นแรกของ โออาร์ที่ดูแลเรื่องความมั่นคงของพลังงานอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมัน จากปริมาณกัมมะถันที่ 50 ppm เป็น 10 ppm เพื่อรองรับซัลเฟอร์ที่ดีขึ้น อากาศดีขึ้น เพื่อช่วยลด pm2.5 ในวันที่ 1 มกราคม ประเทศไทยจะประกาศเปลี่ยนไปใช้น้ำมัน 10 ppm เหมือนยุโรป และแม้ว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการประกาศใช้ แต่โออาร์พร้อมแล้วซึ่งขณะนี้มีปั้มที่รองรับแล้วกว่า 300 สาขา และมั่นใจว่ามีปริมาณสำรองเพียงพอ อีกทั้งกลุ่ม ปตท.มีโรงกลั่นที่ผลิตน้ำมันคุณภาพสูง ดังนั้น เราจึงมีน้ำมันคุณภาพดีรองรับความต้องการ
“ส่วนเรื่องราคาน้ำมัน จะมีการตรึงราคาขายเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนผู้ใช้รถหรือไม่นั้น เรื่องนี้ขอให้ทางราชการหรือ ปตท.เป็นผู้ประกาศ แย้มอาจมีการประกาศในสัปดาห์หน้า ย้ำโออาร์พร้อมรับนโยบายและดูแลประชาชน “ นายดิษทัต กล่าว
ส่วนการติดตั้ง EV station ขณะนี้สถานีบริการ พีทีทีเสตชั่น ทั่วประเทศมีการติดตั้ง EV station ครบแล้วทั้ง 77 จังหวัด รวมกว่า 800 หัวจ่าย ตั้งเป้าปีหน้าจะเพิ่มอีก 500-600 หัวจ่าย และจะขยายเป็น 7,000 สถานีภายในปี 2573
“ปัจจุบันประเทศไทยมีรถไฟฟ้าจดทะเบียนประมาณ 8 หมื่นคัน และ พีทีที สเตชั่น ได้ขยายสถานีชาร์จตามเป้าหมายครบ 77 จังหวัด รวมมากกว่า 800 สถานีชาร์จ และซึ่งหากรวมกับการกระจายของจุดชาร์จเจ้าอื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศก็ถือว่าเพียงพอ จึงมั่นใจจะเพียงพอต่อการรองรับช่วงการเดินทางเทศกาลปีใหม่นี้แน่นอน”นายดิษทัตกล่าว
นายดิษทัต ยังเปิดเผยอีกว่า โออาร์ได้วางแผนขยายธุรกิจใหม่ในกลุ่มไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตธุรกิจในกลุ่มสินค้าบริการใหม่ในกลุ่มสุขภาพและความงาม (Health and Welness) และ ธุรกิจโรงแรม โดยเตรียมเจรจากับพันธมิตรประเทศเกาหลี และญี่ปุ่น เพื่อดำเนินธุรกิจบริการความงามร่วมกัน โดยคาดเห็นความชัดเจนราวในไตรมาสแรก ปี 2567 ในรูปแบบการทำแบรนด์สินค้าร่วมกัน หรือพัฒนาแบรนด์ใหม่เพื่อทำตลาดในอนาคต และโออาร์ยังสนใจขยายธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) ซึ่งอยู่ระหว่างคัดเลือกพันธมิตรในการพัฒนารูปแบบการให้บริการโรงแรม คาดเห็นความชัดเจนในอีก 5 เดือนข้างหน้า
“กลุ่มธุรกิจโรงแรมจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การของคนรุ่นใหม่สำหรับการเดินทางในอนาคต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างนำต้นแบบผลิตภัณฑ์ทั้ง 10 โรงแรมมาทดสอบ ก่อนจะหาข้อสรุปต่อไป” นายดิษทัต กล่าว
ล่าสุด โออาร์ ได้ลงทุน 600 ล้านบาท เปิดตัวสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 เป็นต้นแบบสถานีบริการที่จะสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของโออาร์ที่พร้อมสร้างโอกาสให้ผู้คน ชุมชน สิ่งแวดล้อม เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด SDG บนพื้นที่ค้าปลีกขนาดใหญ่กว่า 5,000 ตารางเมตร
โดยใช้ขนาดพื้นที่ราว 80% สำหรับพื้นที่ไม่ใช่บริการน้ำมัน ซึ่งมีร้านค้าปลีก สินค้า และบริการ รองรับกว่า 30 แบรนด์ อาทิ โชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้า(EV) บีวายดี (BYD) ร้านอาหารทาโก้ เบลล์ (Taco Bell Thailand) ร้านข้าวมันไก่ บุญตงกี่ (Boob Tong Kee) และพันธมิตรอื่นๆ ของโออาร์ เช่น โอ้กะจู๋ ไทยเด็ด
“แฟลกชิป แห่งนี้นำแนวคิดการบริการจัดการแบบ SDG ในแบบของโออาร์ที่มุ่งสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน รวมทั้งนำเสนอระบบนิเวศของธุรกิจโออาร์และพันธมิตรอย่างครบวงจร เพื่อเป็นต้นแบบการออกแบบสู่การขยาย พีทีที สเตชั่น ในอนาคต” นายดิษทัต กล่าว
ทางด้าน นายพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน OR กล่าวว่า นอกจากนี้ แฟลกชิป วิภาวดี 62 ยังเน้นเรื่องการให้บริการน้ำมันและพลังงาน ซึ่งเป็นความโดดเด่นของ พีทีที สเตชั่น มาโดยตลอด เพื่อตอบโจทย์การใช้พลังงานทุกรูปแบบ เพื่อรถทุกคัน
โดยโออาร์มีความตั้งใจให้ พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่จะเติมเต็มความสุขให้ทุกคนได้มากกว่าเดิม เพื่อตอกย้ำแนวคิด 'Living Community' ที่ต้องการให้สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น เป็นศูนย์กลางในการเติมเต็มทุกความสุขและเติบโตไปพร้อมกับชุมชนอย่างยั่งยืน และเป็นต้นแบบนำร่องการขยายสาขาอื่นต่อไปในอนาคต เพื่อเพิ่มปริมาณผู้เข้ามาใช้บริการในรูปแบบไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ มากขึ้น นอกเหนือจากการเข้ามาเติมน้ำมัน