DSI พร้อมด้วย HSI บุกจับเครือข่ายนำเข้า-จำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งกระเป๋า - โทรศัพท์มือถือ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2566 พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพันตำรวจตรี สตพงษ์ เชื้อมหาวรรณ รองผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Investigations : HSI) ที่ร่วมประสานข้อมูลจากต่างประเทศ แถลงผลงานคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 3 เรื่อง ดังนี้
1. คดีลักลอบจำหน่ายสินค้าประเภทกระเป๋าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า “Morn Shop” และมีพฤติการณ์ส่งขายสินค้าดังกล่าวไปยังต่างประเทศ
คดีนี้ กองคดีทรัพย์สินทางปัญญาได้รับแจ้งข้อมูลจากหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Investigations : HSI) ว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายสินค้าประเภทกระเป๋าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า “Morn Shop” และมีพฤติการณ์ส่งขายสินค้าดังกล่าวไปยังต่างประเทศ จึงได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Investigations : HSI) จนทราบที่อยู่ของผู้จัดส่ง และได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่า กลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ “Morn Shop” ดังกล่าว ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น“Morn Shop live Thailand” มีแอดมินทำหน้าที่ผู้ดูแลกลุ่ม และมีการโพสต์รูปภาพและเสนอจำหน่ายสินค้าประเภทกระเป๋าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าหลากหลายยี่ห้อโดยใช้ข้อความภาษาอังกฤษและเสนอราคาเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ในราคาตั้งแต่ 75-250 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,550-8,500 บาท
ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนขยายผลจนกระทั่งทราบสถานที่ที่อาจใช้เป็นที่เก็บสินค้าระหว่างรอจำหน่าย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2566 จึงได้นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าทำการตรวจค้นสถานที่ลักลอบเก็บและจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าดังกล่าว รวมจำนวน 6 จุด ในหมู่บ้าน 2 แห่งที่บริเวณหมู่ 2 ตำบลศีรษะจรเข้น้อย อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีตัวแทนของผู้เสียหายบางส่วน เช่น ชาแนล (Chanel) หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) และ กุชชี่ (Gucci) เป็นต้น เข้าร่วมตรวจสอบและนำชี้สินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า และมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Investigation : HSI) ประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมสังเกตการณ์การตรวจค้นด้วย
ผลการตรวจค้น พบสินค้าประเภทเสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกาและสินค้าอื่นที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายรายต่าง ๆ เช่น ชาแนล (Chanel) หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) กุชชี่ (Gucci) ดิออร์ (Dior) เบอเบอรี่ (Burberry) เป็นต้น ในสถานที่ที่ตรวจค้น 5 จาก 6 จุด ซึ่งอยู่ระหว่างการรอจัดส่งให้กับลูกค้า รวมจำนวนประมาณ 7,000 กว่าชิ้น จึงได้ยึดสินค้าดังกล่าวเป็นของกลางเพื่อตรวจสอบและนำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
2. กรณีกลุ่มเครือข่ายคนไทยร่วมกับคนจีนลักลอบนำเข้าและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ iPhone ปลอมจากประเทศฮ่องกง
กองคดีทรัพย์สินทางปัญญาได้รับแจ้งข้อมูลจากแหล่งข่าว ว่ามีกลุ่มบุคคลชาวไทยร่วมกับชาวจีน ได้มีการเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือที่มีลักษณะปลอมเครื่องหมายการค้า Apple โดยมีลักษณะเป็นเครือข่ายรายใหญ่มีที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาได้ทำการสืบสวนพบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้คอนโดมิเนียม ย่านเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่จำหน่ายและเก็บสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า จึงได้ร้องขอต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเพื่อออกหมายค้นเข้าตรวจค้นพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 10 จุด และจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 จุด เป็นอาคารพาณิชย์ และห้างร้านซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายและเก็บสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ iPhone และอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือปลอมเครื่องหมายการค้า Apple
ผลการตรวจค้น พบสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือที่ปลอมเครื่องหมายการค้า Apple Oppo และ Vivo อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศที่มิได้ผ่านพิธีการทางศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จำนวนกว่า 50,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท จึงได้ยึดไว้ เป็นของกลาง และดำเนินคดีกับเจ้าของผู้ครอบครองตามกฎหมายต่อไป
3. กรณี บริษัท เจเค โปรดักส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีพฤติการณ์ผลิต และจำหน่ายสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า
ในเรื่องนี้ กองคดีทรัพย์สินทางปัญญาได้รับแจ้งข้อมูลจาก บริษัท เฮอร์เมส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ว่ามีบุคคลมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดโดยเป็นผู้ทำปลอมเครื่องหมายการค้า มีลักษณะเป็นผู้ผลิต จำหน่าย เสนอจำหน่าย และมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าประเภทกระเป๋าที่มีเครื่องหมายการค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า ในลักษณะที่เป็นโรงงานผลิตเครื่องหนังเกรดพรีเมียม เป็นสินค้าที่มีราคาสูงคือราคาชิ้นละตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าโดยเฉพาะชาวต่างชาติซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว กองคดีทรัพย์สินทางปัญญาจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนพบว่า บริษัท เจเค โปรดักส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ JK PRODUCTS INTERNATIONAL COMPANY LIMITED ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 351 หมู่ 3 ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นแหล่งผลิต และจำหน่ายสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าจริง เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 จึงได้ทำการตรวจค้นสถานที่ดังกล่าวตามหมายค้น ผลการตรวจค้นพบสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า HERMES (แอร์เมส) Louis Vuitton (หลุยส์ วีตตอง) และยี่ห้ออื่น ๆ พร้อมด้วยวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าจำนวนมาก และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีคำสั่งอนุมัติให้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ ที่ 64/2566