ศธ.แจงปมกลุ่มไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร จำนวน 124 คน เข้าเรียนโรงเรียน อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ชี้เป็นหลักปฏิบัติสากลตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ย้ำจุดยืน เด็กทุกคนต้องได้เรียนแม้ไร้สัญชาติ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า จากกรณีที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง มีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ โดยมีการตั้งข้อสังเกต ว่าการนำเด็กกลุ่มไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรและไม่มีสัญชาติไทย จำนวน 124 คน จากพื้นที่ภาคเหนือเข้ามาเรียนในโรงเรียน เพื่อเพิ่มจำนวนเด็กนักเรียนและเพิ่มการของบประมาณหรือไม่ นั้น
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2566 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2566 ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอ่างทอง (สพป.อ่างทอง) ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอ่างทอง(พมจ.อ่างทอง), นายอำเภอป่าโมก, มูลนิธิวัดสระแก้ว, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.), สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอ่างทอง, บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอ่างทอง, สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอ่างทอง(ตม.) และสถานีตำรวจภูธรป่าโมก ลงพื้นที่ตรวจสอบที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) พบว่า ได้มีการนำเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรและไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนในโรงเรียนจริง ซึ่งการคัดกรองเด็กพบว่าจากจำนวน 124 คน มีสัญชาติไทยจำนวน 7 คน ส่วนที่เหลืออีก 117 คน ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรและไม่มีสัญชาติไทย
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทาง พมจ. ได้เข้ามาให้ความคุ้มครองเด็กกลุ่มนี้ โดยนำเด็กผู้หญิงพักนอนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 และเด็กผู้ชายพักนอนในมูลนิธิวัดสระแก้ว และในปัจจุบันได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนแบบคละชั้นโดยให้เด็กกลุ่มนี้ทุกคน ซึ่งมีความแตกต่างทางอายุเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยเริ่มเรียนตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2566 ที่มูลนิธิวัดสระแก้ว สอนโดยครูกลุ่มโรงเรียนเครือข่ายจังหวัดอ่างทอง เพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้นก่อน
“กระทรวงศึกษาธิการ มีจุดยืน ว่า เด็กทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ต้องได้รับการศึกษา ไม่ว่าเชื้อชาติไหน สัญชาติใด ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากลที่เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ส่วนเรื่องการตรวจสอบว่าเด็กกลุ่มนี้เข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้องหรือไม่นั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับการนำเด็กเข้ามาหลายส่วน โดยทางกระทรวงศึกษาธิการ, สพฐ. และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ได้ประสานและให้ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวกับกระทรวงศึกษาธิการอย่างเต็มที่ ” น.ส.ตรีนุช กล่าว