นิด้าโพลเผยคนภาคกลางสนับสนุน 'อุ๊งอิ๊งค์' เป็นนายกร้อยละ 24.18 รองลงมาคือพิธากับพลเอกประยุทธ์ อีกส่วนตอบว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2565 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง 'คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนภาคกลาง' ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-5 พฤศจิกายน 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคกลาง (จังหวัดในภาคกลาง ประกอบด้วย ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,002 หน่วยตัวอย่าง
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนภาคกลางจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 24.18 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊งค์) พรรคเพื่อไทย เพราะ ต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ชื่นชอบอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคทำได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ศรัทธาในตระกูลชินวัตร
อันดับ 2 ร้อยละ 16.73 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ มีวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล
อันดับ 3 ร้อยละ 16.23 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ชื่นชอบผลงานของรัฐบาลในปัจจุบัน และทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ
อันดับ 4 ร้อยละ 13.54 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 5 ร้อยละ 7.04 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริงทำจริง มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทำงาน
อันดับ 6 ร้อยละ 6.19 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย เพราะ เป็นคนมีประสบการณ์ด้านการบริหาร ชื่นชอบ
นโยบายของพรรคไทยสร้างไทย ชื่นชอบผลงานในอดีตที่ผ่านมา และต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ
อันดับ 7 ร้อยละ 3.10 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช พรรคชาติพัฒนากล้า เพราะ เป็นคนมีความรู้ด้านเศรษฐกิจ เป็นคนมีความมุ่งมั่นในการทำงานและมีประสบการณ์ด้านการบริหาร
อันดับ 8 ร้อยละ 2.05 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย เพราะ เป็นคนพูดจริงทำจริงและชื่นชอบนโยบายของพรรคภูมิใจไทย
อันดับ 9 ร้อยละ 1.80 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
อันดับ 10 ร้อยละ 1.60 ระบุว่าเป็น น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา เพราะ ชื่นชอบพรรคชาติไทยพัฒนา และชื่นชอบผลงานของตระกูลศิลปอาชา
อันดับ 11 ร้อยละ 1.50 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย เพราะ มีประสบการณ์ด้านการบริหาร เป็นคนที่พูดจริงทำจริง และชื่นชอบพรรคเพื่อไทย
อันดับ 12 ร้อยละ 1.35 ระบุว่าเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พรรคสร้างอนาคตไทย เพราะ เป็นคนมีความรู้ด้านเศรษฐกิจ มีวิสัยทัศน์ และมีประสบการณ์ด้านการบริหาร
อันดับ 13 ร้อยละ 1.30 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะ มีประสบการณ์ด้านการบริหาร และชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 14 ร้อยละ 1.19 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เพราะ เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ชื่นชอบแนวคิดและทัศนคติในการทำงาน
และร้อยละ 2.20 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม พรรคไทยภักดี, นายชวน หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ, นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พรรคไทยศรีวิไลย์, นายเศรษฐา ทวีสิน, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายวราวุธ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พรรคประชาชาติ และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนากล้า)
เมื่อพิจารณาบุคคลที่คนภาคกลางจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี 5 อันดับแรก เมื่อจำแนกตามกลุ่มจังหวัดของภาคกลาง พบว่า
1. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน อันดับ 1 ร้อยละ 22.04 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊งค์) พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 20.07 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 19.53 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 4 ร้อยละ 9.50 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย ในสัดส่วนที่เท่ากัน และอันดับ 5 ร้อยละ 6.45 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย
2. กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล อันดับ 1 ร้อยละ 24.97 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล อันดับ 2 ร้อยละ 21.78 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊งค์) พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 15.80 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 12.62 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และอันดับ 5 ร้อยละ 5.84 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย
3. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 อันดับ 1 ร้อยละ 26.91 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊งค์) พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 15.06 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 3 ร้อยละ 13.83 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 7.41 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย และอันดับ 5 ร้อยละ 6.42 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย
4. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 อันดับ 1 ร้อยละ 30.77 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊งค์) พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 20.98 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 3 ร้อยละ 13.29 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 6.29 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย และอันดับ 5 ร้อยละ 5.60 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย
ด้านพรรคการเมืองที่คนภาคกลางมีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 32.42 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย
อันดับ 2 ร้อยละ 19.98 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล
อันดับ 3 ร้อยละ 13.99 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ
อันดับ 4 ร้อยละ 10.54 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ
อันดับ 5 ร้อยละ 7.54 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 6 ร้อยละ 3.80 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย
อันดับ 7 ร้อยละ 3.19 ระบุว่าเป็น พรรคชาติไทยพัฒนา
อันดับ 8 ร้อยละ 2.50 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย
อันดับ 9 ร้อยละ 2.45 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย
และร้อยละ 3.59 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคสร้างอนาคตไทย ไม่ตอบ/ไม่สนใจ พรรคกล้า พรรคไทยภักดี พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคเทิดไท พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคเศรษฐกิจไทย
เมื่อพิจารณาพรรคการเมืองที่คนภาคกลางมีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต 5 อันดับแรก เมื่อจำแนกตามกลุ่มจังหวัดของภาคกลาง พบว่า
1. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน อันดับ 1 ร้อยละ 32.08 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 24.01 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ
อันดับ 3 ร้อยละ 16.49 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 10.04 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ และอันดับ 5 ร้อยละ 4.84 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย
2. กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล อันดับ 1 ร้อยละ 28.55 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 27.09 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล
อันดับ 3 ร้อยละ 16.07 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 4 ร้อยละ 9.83 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ และอันดับ 5 ร้อยละ 4.25 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์
3. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 อันดับ 1 ร้อยละ 37.78 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 15.06 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 11.85 ระบุว่าเป็น พรรคชาติไทยพัฒนา อันดับ 4 ร้อยละ 11.11 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ และอันดับ 5 ร้อยละ 10.12 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ
4. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 อันดับ 1 ร้อยละ 35.66 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 18.53 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 3 ร้อยละ 15.03 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 13.99 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ และอันดับ 5 ร้อยละ 3.85 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย
ด้านพรรคการเมืองที่คนภาคกลางมีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 32.57 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย
อันดับ 2 ร้อยละ 19.83 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล
อันดับ 3 ร้อยละ 14.28 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ
อันดับ 4 ร้อยละ 10.49 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ
อันดับ 5 ร้อยละ 7.14 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 6 ร้อยละ 3.69 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย
อันดับ 7 ร้อยละ 3.10 ระบุว่าเป็น พรรคชาติไทยพัฒนา
อันดับ 8 ร้อยละ 2.65 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย
อันดับ 9 ร้อยละ 2.40 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย
อันดับ 10 ร้อยละ 1.15 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนากล้า
และร้อยละ 2.70 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคกล้า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ พรรคไทยภักดี พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคเศรษฐกิจไทย พรรคเทิดไท พรรคประชาชาติ และพรรคเศรษฐกิจใหม่
เมื่อพิจารณาพรรคการเมืองที่คนกลางมีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 5 อันดับแรก เมื่อจำแนกตามกลุ่มจังหวัดของภาคกลาง พบว่า
1. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน อันดับ 1 ร้อยละ 31.54 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 25.27 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 3 ร้อยละ 16.67 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 10.04 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ และอันดับ 5 ร้อยละ 4.48 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย
2. กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล อันดับ 1 ร้อยละ 28.55 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 26.56 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 16.60 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 4 ร้อยละ 9.83 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ และอันดับ 5 ร้อยละ 3.99 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์
3. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 อันดับ 1 ร้อยละ 39.26 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 14.82 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 11.85 ระบุว่าเป็น พรรคชาติไทยพัฒนา อันดับ 4 ร้อยละ 10.62 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ และอันดับ 5 ร้อยละ 10.12 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ
4. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 อันดับ 1 ร้อยละ 35.66 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 17.13 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 3 ร้อยละ 15.38 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 13.64 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ และอันดับ 5 ร้อยละ 4.19 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ภาคกลาง ตัวอย่าง ร้อยละ 47.40 เป็นเพศชาย และร้อยละ 52.60 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.34 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 16.98 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.88 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 25.38 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 26.42 อายุ 60 ปีขึ้นไป
ตัวอย่าง ร้อยละ 98.05 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 0.85 นับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์และศาสนาอื่น ๆ ในสัดส่วนที่เท่ากัน
และร้อยละ 0.25 ไม่ระบุศาสนา
ตัวอย่าง ร้อยละ 33.67 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.13 สมรส ร้อยละ 3.10 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 0.10 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส
ตัวอย่าง ร้อยละ 25.87 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 34.22 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.39 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 27.62 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 3.80 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 0.10 ไม่ระบุการศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 7.79 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 18.33 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 22.38ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจส่วนตัว/อาชีพอิสระ ร้อยละ 7.54 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 15.24 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 22.33 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 6.19 เป็นนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 0.20 ไม่ระบุอาชีพ
ตัวอย่าง ร้อยละ 24.73 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 17.73 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 28.32 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 10.14 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.25 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 5.39 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.44 ไม่ระบุรายได้