ศาลปกครองสูงสุดสั่งยืนทุเลาคำสั่งถอดถอน 'สืบพงษ์ ปราบใหญ่' พ้นอธิการบดี ม.รามคำแหง ชี้พฤติการณ์สภามหาวิทยาลัยรีบเร่ง ไม่เปิดโอกาสให้แก้ข้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2565 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ให้ทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครอง ตามมติและคำสั่งของสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ให้ถอดถอน นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
โดยศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า มติกรรมการสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ให้ถอดถอนนายสืบพงษ์ออกจากตำแหน่งอธิการบดีนั้น มีกรรมการงดออกเสียง 5 คน จึงไม่ใช่มติโดยเอกฉันท์ อีกทั้งพฤติการณ์สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงรีบเร่งในการพิจารณาและลงมติที่พิพาท รวมทั้งออกคำสั่งตามมติดังกล่าวถอดถอนนายสืบพงษ์ ซึ่งได้ผ่านกระบวนการสรรหาเพื่อดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงมาโดยชอบตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยมิได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างครบถ้วนนั้น ในเบื้องต้นจึงเห็นว่า มติของสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงในการประชุมครั้งที่ 15/2564 เมื่อวันที่ 24 .ค. ที่ให้ถอดถอนที่ให้ถอดถอนนายสืบพงษ์ออกจากตำแหน่งอธิการบดี และคำสั่งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย
แม้จะอ้างว่าสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงมีอำนาจและหน้าที่โดยตรงในการควบคุมดูแลการบริหารงานของอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งกรณีอ้างว่านายสืบพงษ์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและฝ่าฝืนข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในการขัดขวาง พยายามครอบงำและควบคุมกระบวนการสรรหานายกสภามหาวิทยาลัยคนใหม่ รวมทั้งการที่การอ้างว่าคำฟ้องไม่มีมูลให้รับฟังได้ และการออกคำสั่งทางปกครองเป็นไปตามรูปแบบและขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดแล้วนั้น
ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักหักล้างคำวินิจฉัยของสาลปกครองชั้นต้นที่รับฟังว่าสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงมิได้เปิดโอกาสให้นายสืบพงษ์ได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ทั้งยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้งว่าการกระทำของนายสืบพงษ์เป็นการกระทำความผิดอันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งอาจจะเป็นการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด มติและคำสั่งดังกล่าวน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย
อีกทั้งเห็นว่าการให้มติและคำสั่งดังกล่าวมีผลต่อไป เป็นผลโดยตรงที่ทำให้นายสืบพงษ์ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีได้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ย่อมเป็นการยากที่จะเยียวยาแก้ไขกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมได้ ส่วนการอ้างว่าผลคำสั่งทุเลาของศาลปกครองชั้นต้นจะทำให้เกิดอุปสรรค ความยากลำบาก และส่งผลกระทบต่อการบริหารงานภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้นไม่อาจรับฟังได้
ดังนั้นการที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองดังกล่าว ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่นนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย