‘พิจารณ์ ก้าวไกล’แฉต่อหลังอภิปราย ‘เพกาซัส’ ชี้หน่วยงานรัฐยังซื้อสปายแวร์สอดแนมประชาชน ยกเคส ‘สตช.’ ขอ 350 ล้านซื้อสปายแวร์ใหม่ หลังซื้อมาแล้ว 4 รอบ เผยศักยภาพสอดแนมพร้อมกัน 10 เป้าหมาย พร้อมอัพเกรดตามระบบปฏิบัติการ iOS ได้ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวที่รัฐสภา กรณีควันหลงการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นที่บางหน่วยงานของรัฐบาลใช้สปายแวร์เพกาซัสว่า มีเอกสารประกอบคำของบประมาณปี 2566 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยใช้ชื่อว่า โครงการจัดหาระบบรวบรวมและประมวลผลข่าวกรองชั้นสูง วงเงินงบประมาณ 350 ล้านบาท โดยในใบเสนอราคาที่แนบมามีคู่เทียบราคา 3 ราย
โดยรายที่เสนอราคาต่ำที่สุด คือ บจ.เอ็นจิเนียริ่ง รีวอร์ด (ประเทศไทย) เสนอ ยี่ห้อ Q Cyber รุ่น Minotaur จากประเทศอิสราเอล ซึ่งเครื่องมือรุ่นนี้มีรายงานว่า Q Cyber เป็นบริษัทในเครือของผู้ผลิตเพกาซัส โดยจะผูกพันงบประมาณ 5 ปี ปีละ 300 ล้านบาท หรือคิดรวมแล้วประมาณ 1,500 ล้านบาท
และเมื่อดูภาคผนวก ง. ระบุไว้ชัดว่า คุณสมบัติด้านเทคนิค จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ซอฟต์แวร์เอเยนต์ (Software Agent) บนอุปกรณ์ของเป้าหมายได้ โดยที่เป้าหมายไม่รู้ตัว, เอเยนต์สามารถติดตามเป้าหมายได้แม้จะเปลี่ยนเครื่องหรือซิมการ์ด และมีการระบุถึงการวบรวมข้อมูลถึง 10 ข้อ (ดูภาพ)
แฉซื้อมาแล้ว 4 รอบ 454 ล้าน
นอกจากนี้ ในเอกสารฉบับเดียวกัน ยังระบุด้วยว่า สตช.เคยจัดซื้ออุปกรณ์ในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว 4 ครั้ง วงเงินรวม และอุปกรณ์ทั้งหมดยังใช้งานอยู่ ประกอบด้วย
ครั้งแรก ปี 2557 จัดซื้อระบบเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์แบบที่ 3 (ระบบจะส่ง Application Agent เพื่อไปติดตั้งยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเป้าหมายเพื่อเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ของโทรศัพท์เคลื่อนที่เป้าหมาย) โดยระบบนี้ยังต้องให้เหยื่อคลิกลิ้งก์ ยังไม่ได้รับข้อมูลวงเงินโครงการ
ครั้งที่ 2 ปี 2562 จัดซื้อระบบเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์แบบที่ 4 ศักยภาพเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย 3G และ 4G โดยจำลองเป็นสถานีฐานและตัวกระจายสัญญาณทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเสียงข้อความสั้นและสามารถระบุตำแหน่งเป้าหมายอย่างแม่นยำ วงเงิน 196.5 ล้านบาท
ครั้งที่ 3 ปี 2563 จัดซื้อระบบเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์แบบที่ 31 ศักยภาพทำงานร่วมกับระบบเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์แบบที่ 3 เป็นการส่อง Application agent ติดตั้งอย่างลับๆในโทรศัพท์เคลื่อนที่เป้าหมายที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ iOS โดยที่ผู้ใช้โทรศัพท์ไม่จำเป็นต้องเปิดอ่านข้อความ (สปายแวร์เพกาซัส รุ่น Zero-Click) วงเงิน 98 ล้านบาท
และครั้งที่ 4 ปี 2564 จัดซื้อระบบเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ในระบบเครือข่าย Cyber intelligent ศักยภาพเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ต่อผ่านอุปกรณ์ค้นหาเส้นทางเครือข่าย (Router) เช่นโทรศัพท์เคลื่อนที่, คอมพิวเตอร์, สมาร์ททีวี และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น โดยสามารถเข้าถึงระบบเพื่อดึงข้อมูลภาพของอุปกรณ์กล้องเครื่องบันทึกสัญญาณภาพที่ใช้กับกล้องวงจรปิดระบบอนาล็อก เครื่องบันทึกสัญญาณภาพที่ใช้กับกล้องแบบ IP วงเงิน 189 ล้านบาท
ข้อมูลที่รวบรวมได้จากระบบไม่เพียงแต่สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์และตรวจสอบกิจกรรมทางไซเบอร์ของเป้าหมายแต่ยังรวมถึงเพื่อเฝ้าตรวจสอบค้นหาเป้าหมายหรือกิจกรรมทางไซเบอร์ที่น่าสงสัยด้วย
เปิดเหตุผลจัดซื้อ
นายพิจารณ์กล่าวต่อว่า ในระบบตัวใหม่นี้ เพราะสามารถใช้กับระบบปฏิบัติการในเครือข่าย iOS ตั้งแต่รุ่น 15.2.1 ได้ และหากมีการพัฒนาระบบ iOS ขึ้นมาใหม่ ระบบที่จัดซื้อนี้ก็จะสามารถพัฒนาตามได้ในระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน นอกจากนี้ระบบที่จัดซื้อใหม่ยังสามารถใช้ติดตามเป้าหมายได้ถึง 10 เป้าหมายพร้อมกัน
“สิ่งที่ผมและพรรคก้าวไกลได้อธิปรายไป เป็นข้อเท็จจริงที่ว่ารัฐบาลได้จัดหาและครอบครองสปายแวร์มาตลอด แล้วเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่พลเอกประยุทธ์พยายามชี้แจงในสภาเป็นการบิดเบือน การบอกว่าไม่รู้จักเพกาซัส พยายามบ่ายเบี่ยง ผมถามง่ายๆว่าถ้ารัฐบาลพยายามจัดหาสปายแวร์ ประเภทนี้เพื่อความมั่นคงของรัฐ ประเภทนี้เพื่อความมั่นคงของรัฐจริงๆ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องอธิบายได้ง่ายมาก พลเอกประยุทธ์จะสามารถอธิบายได้ว่าจัดหามาเพื่อใช้งานอะไร แต่ทั้งหมดนี้แสดงถึงพฤติกรรมของผู้มีพิรุธ เป็นการนำสปายแวร์มาใช้ในกิจกรรมผิดประเภทนำมาสอดแนมประชาชน ทำให้ไม่สามารถชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาได้” นายพิจารณ์ระบุ
นอกจากนี้ การซื้อขายระบบดังกล่าว จะขายให้เฉพาะรัฐบาลเท่านั้น แต่การที่ สตช. จะจัดซื้อก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะสิ่งเหล่านี้ก็มีความจำเป็นรายการสืบสวนสอบสวนในคดียาเสพติดจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับได้อยู่แล้ว แต่ประเด็นคำถามคือในเมื่อ Spyware นี้ขายให้กับรัฐบาล นี้ขายให้กับรัฐบาลแล้วแกนนำผู้ชุมนุมและนักวิชาการรวม 35 คน
อีกทั้ง ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ต้องการจัดซื้อสปายแวร์ดังกล่าวอีก คือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และหน่วยข่าวกรองทางทหาร กองทัพบก จึงอยากให้ทั้ง 2 หน่วยงานออกมายอมรับข้อเท็จจริงว่าได้ใช้ระบบการกล่าวในการสอดแนมประชาชน เพราะช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดไม่มิด