‘กพช.’ เห็นชอบรับซื้อ 'ไฟฟ้าขยะชุมชน' ในรูปแบบ FiT จาก SPP-VSPP รวม 34 โครงการ 282 เมกะวัตต์ ‘บิ๊กตู่’ ขอทุกฝ่ายช่วยประหยัดพลังงาน ขณะที่ 'OR-BCP' ประกาศปรับราคากลุ่มเบนซิน 80 สตางค์ ดันราคา 'เบนซิน' ใกล้แตะลิตรละ 50 บาท
..............................
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน มีมติเห็นชอบอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) 34 โครงการ ปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 282.98 เมกะวัตต์ และกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในปี 2568–2569
ทั้งนี้ กพช.มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ดำเนินการออกระเบียบและประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 ภายใต้แผน PDP2018 Rev
“นายกฯ ระบุว่า การรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 ภายใต้แผน PDP 2018 Rev.1 เป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาการกำจัดขยะส่วนใหญ่ใช้วิธีฝังกลบส่งผลกระทบต่อการจัดหาพื้นที่ในการกำจัดขยะ ดังนั้น การกำจัดขยะที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการเผาขยะแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากทำให้ปริมาณขยะลดลงอย่างรวดเร็ว และเป็นการช่วยลดก๊าซเรือนกระจกด้วย อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการดังกล่าว ต้องให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์และดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย” นายธนกร กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า กพช. ยังรับทราบแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev. 1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564-2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม) พร้อมทั้งเห็นชอบหลักการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและข้อเสนออัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff สำหรับปี พ.ศ. 2565-2573 สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง โดยมอบหมายให้ กกพ.ดำเนินการออกระเบียบ ประกาศการรับซื้อไฟฟ้าและกำกับดูแลการคัดเลือกตามขั้นตอนต่อไป
นายธนกร ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ เน้นย้ำระหว่างการประชุม กพช. ถึงสถานการณ์พลังงานขณะนี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ว่า ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันประหยัดพลังงานควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้มากขึ้น โดยหน่วยงานรัฐจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการประหยัดพลังงานของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้เสนอมาตรการการลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยต้องลดใช้พลังงานให้ได้ 20% จึงขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม แล้วรายงานผลผ่านช่องทางตามที่กำหนดภายในห้วงเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังยืนยันว่า ทุกอย่างที่รัฐบาลดำเนินการทั้งที่ผ่านมาและปัจจุบันทำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น และมีเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ จึงขอเน้นย้ำให้ทุกคนในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งระดับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติให้ทำหน้าที่ด้วยความสุจริต โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ คุ้มค่า และอย่าให้ถูกนำไปบิดเบือนโดยเด็ดขาด ต้องมีการชี้แจงตอบคำถามให้ได้และดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เพื่อเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยการจัดหาพลังงานสะอาดตามแผน BCG ซึ่งครอบคลุมการผลิตไฟฟ้าจากขยะ รวมไปถึงการใช้พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ ตลอดจนพลังงานน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงขอใทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อเร่งเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net-Zero Carbon Emission ของประเทศไทยให้ได้ร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ. 2030 หรือปี พ.ศ. 2573 ตามที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้แล้วต่อการประชุม COP26
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2565 บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) และ บมจ.บางจาก (BCP) ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 80 สตางค์/ลิตร ยกเว้น E85 ปรับขึ้น 50 สตางค์/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 2565 เวลา 05.00 น.
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ครั้งนี้ ส่งผลราคาน้ำมันเบนซิน ราคา 49.26 บาท/ลิตร ,แก๊สโซฮอล์ 95 มีราคา 41.85 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 41.58 บาท/ลิตร ,แก๊สโซฮอล์ E20 ราคา 40.74 บาท/ลิตร ,แก๊สโซฮอล์E85 ราคา 34.74 บาท/ลิตร ขณะที่น้ำมันดีเซล (บี7) ราคา 31.94 บาท/ลิตร ,ดีเซล (บี10) ราคา 31.94 บาท/ลิตร ดีเซล (บี20) ราคา 31.94 บาท/ลิตร และดีเซลพรีเมี่ยม 39.36 บาท/ลิตร ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีท้องที่ของแต่ละจังหวัด