ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการบันทึกความพยานในคดีอาญา ระบุศาลอาจสั่งให้ใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียง โดยเฉพาะคดีสำคัญ คคีความผิดเกี่ยวกับชีวิต-เพศ-ทุจริต เพิ่มประสิทธิภาพการรับฟังพยานหลักฐาน ให้การพิพากษาเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม มีผลนับตั้งแต่ 15 ต.ค.2564
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2564 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศผ่านเว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ถึงข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการบันทึกความพยานในคดีอาญา โดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียง พ.ศ.2564 มีใจความสำคัญว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขว่าด้วยการบันทึกความพยานในคดีอาญา โดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุที่สามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับฟังพยานหลักฐาน อันเป็นหลักประกันให้การพิพากษาคดีเป็นไปอย่างเที่ยงธรรมและสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ จึงออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการบันทึกคำเบิกความพยานในคดีอาญา โดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียง พ.ศ.2564”
ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ 3 เมื่อศาลเห็นสมควร ไม่ว่ามีคู่ความร้องขอหรือไม่ ศาลอาจสั่งให้มีการบันทึกคำเบิกความพยานโดยใช่วิธีการบันทึกภาพและเสียงได้ โดยเฉพาะคดีอาญาดังต่อไปนี้
-
คดีที่มีความสำคัญพิเศษ ซึ่งต้องอาศัยความรู้เห็นของพยานบุคคล เช่น คดีความผิดเกี่ยวกับชีวิต เพศ การก่อการร้าย ความมั่นคง การค้ามนุษย์ การทุจริตและประพฤติมิชอบ
-
คดีซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน
-
คดีที่พยานบุคคลมีลักษณะสมควรที่จะบันทึกคำเบิกความไว้ เช่น ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องสังเกตอากัปกิริยาของพยาน ขณะเบิกความ หรือข้อเท็จจริงที่พยานเบิกความมีความยุ่งยากซับซ้อนหรือเป็นเรื่องทางเทคนิค หรือพยานต้องการเบิกความผ่านล่าม
ความในวรรคหนึ่งให้ใช้กับการสืบพยานก่อนฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 237 ทวิ และมาตรา 237 ตรี ด้วย
ข้อ 4 ให้นำข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564 และประกาศสำนักงานศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับแก่การบันทึกคำเบิกความพยานโดยการใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียงตามข้อบังคับนี้เท่าที่พอจะบังคับได้
ข้อ 5 เมื่อศาลมีคำสั่งให้บันทึกคำเบิกความพยานบุคคลปากใดโดยใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียงต้องแจ้งให้คู่ความและพยานทราบล่วงหน้าก่อนวันสืบพยานปากนั้น เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้
ข้อ 6 การบันทึกคำเบิกความพยานโดยการใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียง ให้ดำเนินการตั้งแต่พยานบุคคลเริ่มเบิกความต่อเนื่องติดต่อกันไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการสืบพยาน ในกรณีมีเหตุจำเป็นหรือมีข้อขัดข้องทำให้ไม่อาจดำเนินการ ศาลอาจสืบพยานต่อไปโดยใช้วิธีการบันทึกถ้อยคำพยานแบบเก็บใจความสำคัญ แล้วให้คู่ความและพยานลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ
ข้อ 7 การสืบพยานโดยใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียง ศาลไม่ต้องบันทึกคำเบิกความพยานแบบเก็บใจความสำคัญอีก และให้ถือว่าภาพและเสียงคำเบิกความของพยานที่บันทึกไว้นั้นเป็นคำเบิกความของพยาน โดยไม่ต้องจัดพิมพ์เป็นเอกสารเพื่ออ่านให้พยานหรือคู่ความฟัง
คู่ความหรือพยานสามารถขออนุญาตศาลตรวจดูบันทึกภาพและเสียงได้ภายใต้การควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่สามารถบันทึกภาพและเสียงหรือทำซ้ำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น
ข้อ 8 ถ้าปรากภายหลังว่า ภาพหรือเสียงคำเบิกความพยานที่บันทึกไว้เกิดความเสียหายทั้งหมดหรือบางส่วน อันเป็นอุปสรรคต่อการชี้ขาดตัดสินคดี เมื่อศาลเห็นสมควรหรือคู่ความฝ่ายใดร้องขอ ศาลอาจดำเนินการสืบพยานโดยใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง หรือมีคำสั่งอื่นตามที่เห็นสมควร
ข้อ 9 เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาคดี การทำคำพิพากษา และการอุทรณ์ฎีกาให้เจ้าหน้าที่จัดทำสรุปคำเบิกความแบบเก็บใจความสำคัญของพยานจากภาพและเสียงที่บันทึกไว้ หรืออาจสรุปคำเบิกความดังกล่าวทันทีในขณะที่พยานเบิกความแล้วจึงให้เจ้าหน้าที่พิมพ์โดยเร็วในภายหลัง แต่คดีที่เป็นการสืบพยานประกอบคำรับสารภาพ ให้ทำสรุปคำเบิกความดังกล่าวเฉพาะกรณีเมื่อคดีต้องขึ้นสู่ศาลสูง
คู่ความหรือพยานสามารถขอตรวจดูและคัดถ่ายสรุปคำเบิกความของพยานได้
ข้อ 10 ให้สำนักงานศาลยุติธรรมจัดสรรงบประมาณและอัตรากำลังเจ้าหน้าที่แก่ศาลให้เพียงพอต่อการดำเนินการตามข้อบังคับนี้ และในกรณีที่มีความจำเป็นต้องมีวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งในทางธุรการเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้กำหนดวิธีการนั้น
อ่านประกาศฉบับเต็ม : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/068/T_0016.PDF
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage