ตำรวจเตือนภัยฉ้อโกงออนไลน์ ยกเคสนักเรียนหญิงชิงทรัพย์ร้านทองเป็นตัวอย่าง แนะหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีข้อเสนอดูดีเกินความเป็นไปได้ ให้ผลตอบแทนสูง ง่าย ไม่ซับซ้อน รวมถึงผู้ปกครองต้องคอยดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด อย่าให้ใช้โทรศัพท์เพียงลำพัง โดยเฉพาะแอปพลิเคชันเกี่ยวการเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการฉ้อโกงในโลกไซเบอร์อาจส่งผลกระทบต่อสาเหตุการเกิดอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินในชีวิตประจำวันได้ เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำกิจกรรมหรือธุรกรรมต่างๆ โดยหันมาทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือแอปพลิเคชันมากขึ้น
แต่ก็มีเหล่ามิจฉาชีพได้อาศัยช่องว่างดังกล่าวในการหาผลประโยชน์โดยทุจริต ด้วยการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะชักชวนให้มาลงทุนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งมักจะมีข้อเสนอในลักษณะที่ให้ผลตอบแทนสูง ง่าย ไม่ซับซ้อน ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อ ซึ่งจากการกระทำลักษณะดังกล่าวอาจส่งผลให้ผู้เสียหายที่สูญเสียทรัพย์สินไป ตัดสินใจก่ออาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินตามมาได้
ดังเช่นในกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ก.ย.2564 ในท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้มีวัยรุ่นอายุ 17 ปี ก่อเหตุชิงทรัพย์ ที่ร้านทองในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่สายตรวจจับกุมตัวได้ จากการสอบถามสาเหตุเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุบอกว่าก่อนนี้ตนได้ลงทุนออนไลน์ไปเป็นจำนวน 50,000 บาท หวังว่าจะได้ดอกเบี้ย แต่ปรากฏว่าถูกโกงไป ไม่สามารถติดต่อผู้ที่ตนลงทุนด้วยได้ และตนเองก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนจึงตัดสินใจก่อเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สายตรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุส่งพนักงานสอบสวนและจะสอบปากคำโดยละเอียดร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
การฉ้อโกงออนไลน์นั้น เข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงเตรียมหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา รายการเดินบัญชี เป็นต้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี
พ.ต.อ.กฤษณะ จึงขอฝากประชาชน ถึงแนวทางการหลีกเลี่ยงป้องกันการถูกหลอกให้ลงทุนและฉ้อโกงออนไลน์ โดยให้ประชาชนตรวจสอบให้ดี ว่าการลงทุนดังกล่าวนั้นน่าเชื่อถือเพียงใด หลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นไปได้หรือมีเงื่อนไขในลักษณะที่ได้ผลตอบแทนสูง ง่าย ไม่ซับซ้อน รวมถึงผู้ปกครองต้องคอยดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด อย่าให้ใช้โทรศัพท์มือถือหรือแอปพลิเคชันต่างๆ เพียงลำพัง โดยเฉพาะแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการเงิน ขอให้พี่น้องประชาชนคอยติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อจะได้รู้ทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ภาพจาก: ผู้จัดการออนไลน์
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage