‘ธปท.’ จับมือ ‘คลัง-บสย.-สมาคมแบงก์รัฐ-สมาคมธนาคารไทย’ เปิดตัวโครงการ 'หมอหนี้เพื่อประชาชน' ให้คำปรึกษาลูกหนี้รายย่อย-ลูกหนี้เอสเอ็มอี แก้ปัญหาหนี้ครบวงจร
..............................
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารไทย เปิดตัว ‘โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน’ อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นช่องทางในการให้คำแนะนำ ความรู้ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างครบวงจรแก่ลูกหนี้รายย่อยและ SMEs เช่น การแนะนำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธปท.และสถาบันการเงินต่างๆ
การวิเคราะห์สถานะหนี้ ความสามารถในการชำระหนี้ และการเตรียมตัวเจรจาแก้ไขหนี้ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกหนี้สามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ดีขึ้น และการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับแผนธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับลูกหนี้ รวมถึงการหาแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ลูกหนี้ด้วย
สำหรับลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษากับหมอหนี้ ผ่านเว็บไซต์โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน (www.bot.or.th/app/doctordebt/) ซึ่งจะมีคำแนะนำในการแก้ปัญหาหนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจ SMEs และข้อแนะนำในการเพิ่มรายได้ของธุรกิจ หรือลูกหนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร 1213 ธปท. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพ และสำนักงานภาคของ ธปท. ทั้ง 3 แห่ง ที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา
นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธปท. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ธปท. นำร่องโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชนมาตั้งแต่ต้นปี 2564 ซึ่งล่าสุด ณ เดือน ก.ค.2564 มีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการแล้ว 940 ราย โดยทั้งหมดเป็นธุรกิจ SMEs ในสาขาการค้า เช่น เครื่องเงิน รถบรรทุก อาหาร วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ,สาขาการบริการ เช่น ขนส่งผู้โดยสาร ท่องเที่ยว โรงแรม นวด เป็นต้น และสาขาการผลิต เช่น รถแทรกเตอร์ และโรงงานผลิตอาหาร เป็นต้น
ส่วนการดำเนินการระยะต่อไป หลังจากเปิดตัวโครงการฯอย่างเป็นทางการในวันนี้ (30 ส.ค.) นั้น ธปท.จะประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนให้ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง การนำแชทบอทมาช่วยตอบคำถามลูกหนี้ ซึ่งจะเริ่มได้ในช่วงปลายปีนี้ หากลูกหนี้รายย่อย และลูกหนี้ SMEs เห็นว่ายังต้องการได้รับคำปรึกษาจากหมอหนี้ ก็สามารถลงทะเบียนเข้ามาขอรับคำปรึกษาได้ และจะแจ้งผลการนัดหมอหนี้ภายใน 5 วัน
“ลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs จะได้รับความรู้และความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาหนี้ ได้แก่ วิธีการเตรียมข้อมูลสำหรับเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ อาทิ การจัดทำแผนธุรกิจ ข้อมูลทรัพย์สินและหนี้สิน ข้อมูลรายรับรายจ่าย เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ รวมทั้งแนวทางการพูดคุยกับเจ้าหนี้ ตลอดจนข้อมูลมาตรการช่วยเหลือของสถาบันการเงินต่างๆที่เหมาะสมกับตนเอง” นางธัญญนิตย์ กล่าว
นางธัญญนิตย์ ย้ำว่า สำหรับความพิเศษของโครงการหมอหนี้ฯ คือ ลูกหนี้ที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs สามารถติดต่อขอคำแนะนำเชิงลึกเพิ่มเติมจากทีมหมอหนี้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs บสย. (บสย. FA Center) สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้มีทีมหมอหนี้ที่จะให้คำปรึกษาแก่ลูกหนี้ SMEs เป็นการเฉพาะกว่า 200 คน
ปัจจุบันมีสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน 13 แห่ง ประกอบด้วย 1.บสย. 2.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 3.ธนาคารออมสิน 4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 5.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 6.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 7.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 8.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 9.ธนาคารยูโอบี
10.ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย 11.ธนาคารกสิกรไทย 12.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ 13.ธนาคารกรุงเทพ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ อยู่ระหว่างทยอยเข้าร่วมโครงการฯ
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน จะเป็นการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแก้ไขหนี้แก่ผู้ประกอบการและประชาชน รวมถึงสร้างองค์ความรู้และวางแผนทางการเงินให้แก่ลูกหนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยให้การแก้ปัญหาหนี้สินมีความยั่งยืน ขณะเดียวกัน โครงการหมอหนี้ฯจะเป็นกลไกที่มาช่วยส่งเสริมให้มาตรการช่วยเหลือต่างๆมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกหนี้ก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้
นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ รองผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สายงานการเงิน รักษาการผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า ในการดำเนินการโครงการหมอหนี้ฯ บสย.ได้จัดตั้ง ‘บสย. F.A. Center’ ซึ่งมีทีมที่ปรึกษาทางการเงินที่มีประสบการณ์สูง และเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงินชั้นนำ มาให้คำปรึกษาเชิงลึกแก่ลูกหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้ SMEs ในทุกประเภทธุรกิจ และทุกสถาบันการเงิน โดยลูกหนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 8 แห่ง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากแต่ละสถาบันการเงินของรัฐเข้าร่วมทีมหมอหนี้ฯ เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำแนวทาง รวมถึงให้ข้อมูลการแก้ไขปัญหาหนี้ในรูปแบบต่างๆ แก่ลูกหนี้ทุกรายอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
ขณะที่ นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สมาคมธนาคารไทยได้ส่งบุคลากรผู้เชี่ยวชาญร่วมให้คำปรึกษาการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างครบวงจรในโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ตั้งแต่การประเมินและสำรวจภาระหนี้ การเตรียมตัวเจรจาแก้ไขหนี้ การวางแผนชำระคืนหนี้ รวมถึงแนวทางการปรับตัวในอนาคตเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ SMEs และรายย่อย โดยจะเริ่มจากลูกค้าของแต่ละธนาคารก่อน
อ่านประกอบ :
บสย.พิษณุโลก หนุน ค้ำฯสินเชื่อเต็มพิกัด ระดมทีม “หมอหนี้ บสย.” ปลดล็อก SMEs ไทย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage