ครม.อนุมัติ 1.3 หมื่นล้านบาทให้ สปสช. ดูแลผู้ป่วยโควิด และเยียวยาผู้เสียหายจากวัคซีน ในโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครอบคลุม 3.5 ล้านราย พร้อมเห็นชอบให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยที่ยังไม่มีอาการ
.........................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงิน 13,026.12 ล้านบาท ให้ สปสช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับหน่วยบริการ สถานพยาบาลที่ให้บริการสาธารณสุขโรคติดเชื้อโควิด สำหรับประชาชนทุกสิทธิ ระหว่างเดือน ส.ค.-ก.ย.2564 สำหรับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 3,508,060 ราย ประกอบด้วย
1. กลุ่มเสี่ยงที่ได้รับการตรวจคัดกรองไวรัสโควิด จำนวน 3,392,800 ราย
2. ผู้ป่วยโควิดที่ได้รับบริการสาธารณสุข จำนวน 114,500 ราย
3. ผู้ได้รับความเสียหายจากการฉีดวัคซีนโควิด จำนวน 760 ราย
ทั้งนี้ โครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของ สปสช. จะเป็นการช่วยลดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลในภาพรวม เนื่องจากเป็นโครงการลงทุนให้เกิดการบริการตรวจคัดกรองหรือป้องกันไม่ให้เกิดการติดโรค ซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาเมื่อป่วยแล้ว ทั้งยังเป็นหลักประกันทางสังคมด้านสุขภาพสำหรับประชาชนไทยที่ได้รับผลกระ ทบจากการระบาดของโควิดอีกด้วย
ทั้งนี้ สปสช. จะได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อภายใต้สวัสดิการต่างๆ ของภาครัฐ รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาแนวทางการจัดบริการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน เพื่อสนับสนุนให้แต่ละภาคส่วนสามารถจัดบริการป้องกันการติดเชื้อเชิงรุกในชุมชนได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพต่อไปด้วย
ขณะเดียวกัน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำวันนี้ด้วยว่า ครม.เห็นชอบหลักการส่งเสริมการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยโควิดที่ยังไม่มีอาการ เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาและลดภาระระบบสาธารณสุข ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ซึ่งที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการมาตรการเชิงป้องกันความรุนแรงของโรคโควิด ด้วยการใช้ยาฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่มีศักยภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์และลดการแบ่งตัวของไวรัส ใช้รักษาในกลุ่มผู้ต้องขังที่มีอาการไม่รุนแรง จำนวน 1.18 หมื่นคน พบว่าได้ผลดีสามารถรักษาผู้ต้องขังหายแล้ว 99.02% จากยอดผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด
ซึ่งปัจจุบันกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้เรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศปลูกสมุนไพรประเภทต่างๆ โดยเน้นการปลูกฟ้าทะลายโจรและกระชายขาวเป็นหลักในพื้นที่ 141 ไร่ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นเพื่อช่วยผู้ต้องขังในเรือนจำที่ติดเชื้อโควิค และโรคอื่นๆ รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนทั่วไปด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้กำชับถึงการส่งเสริมใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยโควิด ที่ยังไม่มีอาการ จะต้องชี้แจงแนวทางให้ชัดเจน เช่น แนวทางการรักษา ปริมาณยาที่เหมาะสมต่ออาการของผู้ป่วย ข้อควรระวัง อาการข้างเคียง แนวทางการผลิตและจัดจำหน่าย เป็นต้น ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าปริมาณยาฟ้าทะลายโจรที่เหมาะสม จะต้องมีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่ผู้ป่วยควรได้รับปริมาณ 180 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งเป็น 60 มิลลิกรัมต่อมื้ออาหาร จึงจะได้ผลชัดเจน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์พิจารณาหาแนวทางมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้มีการกักตุนสินค้ายาฟ้าทะลายโจร ตลอดจนควบคุมราคาของยาฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรอื่นๆ ให้มีความเหมาะสมและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/