"...เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาญาติของร้อยโทรายนี้ ได้พยายามยื่นเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าร้อยโทไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกกลั่นแกล้ง ขณะที่คนในกรมแพทย์ทหารบกบางส่วน ก็มองว่าเรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำมากกว่าข้อมูลที่ปรากฎออกมา เพราะวงเงินการทุจริตไม่ได้สูงมากนัก ไม่น่าจะเป็นแรงจูงใจสำคัญให้ร้อยโทตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ได้ อาจมีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้...."
.................................
มีรายงานข่าวยืนยันว่า นายทหารรายนี้ ได้ขาดราชการโดยไม่ทราบสาเหตุ ไปตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบันแล้ว
คือ ข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ทิ้งท้ายไว้ ต่อกรณีการตรวจสอบพบข้อมูล นายทหารไทยรายหนึ่ง ที่ถูกส่งตัวไปปฎิบัติหน้าที่โรงพยาบาลสนามในเซาท์ซูดาน ช่วงเดือนธันวาคม 2562-ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่และจบภารกิจ และเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) จาก office of internal oversight services และกองทัพบก ได้มอบหมายให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ฐานประพฤติชั่วร้ายแรง กับนายทหารรายนี้ ในคดีฉ้อโกงเงินกำลังพล ค่าดูแลการส่งกลับสายแพทย์ และหลอกลวงฉ้อโกงผู้บังคับบัญชา และกำลังพลให้ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในเขตทวีปแอฟริกา ที่นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
(อ่านประกอบ : ฉาวระดับปท.! UN ร่วมสอบ 'นายทหารไทย' ฉ้อโกงเงิน-หลอกลวงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แอฟริกา)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในกองทัพไทยว่า นายทหารไทยที่ถูกสอบสวนกรณีนี้ มียศ 'ร้อยโท' เป็นนักเรียนแพทย์ทหาร เหล่าแพทย์ บรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่ง ผู้บังคับหมวดพยาบาล กองร้อยเสนารักษ์ส่วนหน้า กองพันทหารเสนารักษ์ ที่ 8 สังกัดกองพันทหารเสนารักษ์ที่ 8 กองพลทหารม้าที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 จนถึงปัจจุบัน โดยกรมแพทย์ทหารบก ซึ่งเป็นห้วหน้าเหล่าสายวิทยากรได้ให้ ร้อยโท ไปปฏิบัติหน้าที่นายแพทย์ โรงพยาบาลสนามระดับ 1 กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2562 -22 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นการไปสับเปลี่ยนกำลังพลผลัด 1
ก่อนที่กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัด 1 จะขออนุมัติให้ 'ร้อยโท' ยุติการปฏิบัติหน้าที่และจบภารกิจ เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทางวินัยจากกรณีฉ้อโกงเงินกำลังพลค่าดูแลการส่งกลับสายแพทย์ และหลอกลวงฉ้อโกงผู้บังคับบัญชาและกำลังพลให้ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในเขตทวีปแอฟริกาดังกล่าว
กรณีการฉ้อโกงเงินกำลังพล เป็นเรื่องเกี่ยวกับการอมเงินค่าเบี้ยเลี้ยงของลูกน้อง วงเงินไม่เยอะมากนัก และหลังจากที่เกิดปัญหาก็มีการนำเงินมาคืนแล้ว
ส่วนกรณีการฉีดวัคซีนนั้นเป็นการอ้างชื่อ นายแพทย์ประจำการ ของ ยูเอ็น ไปเรียกเก็บเงินนายทหารจำนวน 200 กว่าคน ที่เดินทางไปร่วมปฏิบัติภารกิจคนละ 20 เหรียญ รวมแล้วประมาณ 4,000 เหรียญ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 แสนบาท) มาเป็นค่าฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
แต่กลับวัคซีนป้องกันบาดทะยักไปฉีดให้แทน ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็ทำให้ทางยูเอ็นโกรธมาก เพราะมีการนำชื่อนายแพทย์ประจำการ ของยูเอ็นไปแอบอ้าง
แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า ภายหลังจากที่ 'ร้อยโท' รายนี้ ได้เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย และผ่านขั้นตอนการกักตัวเพื่อป้องกันโรคโควิดแล้ว ได้เข้ามารายงานตัวต่อหน่วยงานเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่ได้เข้ามาติดต่ออะไรอีกและหายตัวไปเลย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ทำให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของกรมแพทย์ทหารบก ได้ลงมติเห็นควรให้ดำเนินการปลด และถอดยศออกจากราชการ และถูกกองพันทหารเสนารักษ์ที่ 8 หน่วยงานต้นสังกัด ระงับเบิกจ่ายเงินเดือนตั้งแต่เดือน ส.ค.2563 เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างการขออนุมัติและถอดยศกรณีหนีราชการดังกล่าว
แหล่งข่าวยังย้ำว่า อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาญาติของร้อยโทรายนี้ ได้พยายามยื่นเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าร้อยโทไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกกลั่นแกล้ง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 1 มีนาคม 2564 ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ พลโท สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้
เบื้องต้น พลโท สันติพงศ์ ชี้แจงว่า ตนได้ถูกกำหนดให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเป็นทางการแล้ว แต่จะขอรับทราบเรื่องที่ทางสำนักข่าวติดต่อเขามาไว้ก่อน เพื่อที่จะนำไปเป็นส่วนหนึ่งในหัวข้อการชี้แจงในวันที่จะมีการชี้แจงอย่างเป็นทางการ
จึงทำให้ยังไม่ได้รับทราบคำชี้แจงของกองทัพบกเป็นทางการต่อเรื่องนี้ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ทบ.ในระดับประเทศเป็นอย่างมากในห้วงเวลาที่ผ่านมา
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage