“ขอเรียนยืนยันอย่างหนักแน่นด้วยความสัตย์จริงทุกประการต่อ กมธ.สามัญตรวจสอบประวัติฯว่า ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับนายทักษิณ ทั้งในหน้าที่ราชการ หรือในทางส่วนตัว อีกทั้งไม่เคยพบเห็นหน้านายทักษิณมาก่อน ตลอดชีวิตทั้งในหน้าที่ราชการ และทางส่วนตัว”
.......................................
กำลังเป็นเรื่องดราม่าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในแวดวงการเมืองและตราชั่ง!
หลังจากนายรัชนันท์ ธนานันท์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ฟินแลนด์ ยื่นฟ้องศาลปกครอง กรณีวุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภา มีมติไม่ให้ความเห็นชอบนายรัชนันท์ ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด อย่างน้อย 2 ครั้ง เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
อย่างไรก็ดีกรณีนี้นายประวิตร บุญเทียม โฆษกศาลปกครอง ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีความเห็นส่งชื่อนายรัชนันท์ให้ที่ประชุมวุฒิสภาดำเนินการพิจารณานั้น เพราะเป็นผู้มีประวัติและผลงานผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด โดยยืนยันว่าที่ ก.ศป.เสนอชื่อนายรัชนันท์ต่อ แม้วุฒิสภาตีตกไปรอบแรกแล้วนั้น ไม่ได้เป็นการ ‘งัดข้อ’ กับวุฒิสภา แต่เป็นเรื่องต่างคนต่างทำหน้าที่ (อ่านประกอบ : ‘รัชนันท์’ฟ้อง ส.ว.ปมไม่เห็นชอบตั้งตุลาการศาล ปค.สูงสุด-โฆษกฯปัด ก.ศป.งัดข้อสภาสูง)
รายงานข่าวจากวุฒิสภา ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ที่ประชุมวุฒิสภามีมติไม่เห็นชอบนายรัชนันท์ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด อย่างน้อย 2 ครั้งดังกล่าว อ้างว่าเมื่อปี 2558 ครั้งนายรัชนันท์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ฟินแลนด์ เคยไปต้อนรับ และถ่ายภาพคู่กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้หลบหนีคดีทุจริตหลายคดี เมื่อครั้งไปเยือนฟินแลนด์?
จริงหรือไม่?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ช่วงปลายปี 2563 นายรัชนันท์ เคยทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นเอกสารรวม 6 หน้า ถึง พล.อ.อู้ด เบื้องบน ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด วุฒิสภา ถึงประเด็นนี้มาแล้ว
นายรัชนันท์ ระบุในหนังสือชี้แจงดังกล่าวสรุปได้ว่า ระหว่างเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ฟินแลนด์นั้น สถานเอกอัครราชทูตฯดังกล่าว มีความร่วมมือและสัมพันธ์อันดีมากกับวัดไทย และชุมชนชาวไทยเกี่ยวกับการจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ และพิธีสำคัญทางพุทธศาสนา รวมทั้งการจัดกิจกรรมประเพณีต่าง ๆ ของไทย
โดยการจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 12 ส.ค. 2558 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้กำหนดจัดพิธีเทิดพระเกียรติฯ โดยมีตนเป็นประธานในพิธี จัดขึ้นวันที่ 15 ส.ค. 2558 ที่วัดพุทธาราม ฟินแลนด์ เพื่อให้คนไทยเข้าร่วมพิธีดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน
อย่างไรก็ดีวัดพุทธาราม ได้ใช้โอกาสวันสำคัญดังกล่าว จัดพิธีวางแผ่นศิลาฤกษ์ศาลาปฏิบัติธรรมแห่งแรก ขึ้นในวันเดียวกันนั้นด้วย โดยเจ้าอาวาสวัดพุทธาราม มีหนังสือลงวันที่ 15 มิ.ย. 2558 (ล่วงหน้าก่อนวันงาน 2 เดือน) ถึงตนในฐานะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีวางแผ่นศิลาฤกษ์ โดยตนตอบรับคำเชิญดังกล่าว
ต่อมาก่อนวันจัดพิธีเทิดพระเกียรติฯแค่วันเดียว เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2558 มีเจ้าหน้าที่ รายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางไปร่วมงานที่วัดพุทธาราม ในวันที่ 15 ส.ค. 2558 ด้วย ทันที่ทราบข่าวดังกล่าว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดต่อสอบถามจากวัดพุทธราม และประธานสมาคมชาวพุทธฟินน์-ไทย ได้รับแจ้งว่า วัดและสมาคมฯไม่ได้เชิญนายทักษิณ แต่ได้ยินข่าวมาด้วยเช่นกันว่ามีคนไทยกลุ่มหนึ่งเป็นผู้เชิญ ถ้านายทักษิณจะไปร่วมงานวัดจริงตามข่าว วัดและสมาคมฯไม่สามารถห้ามพุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมงานของวัดได้
สถานเอกอัครราชทูตฯ ไม่มีข้อมูลว่านายทักษิณ จะเดินทางเข้าออกประเทศฟินแลนด์เมื่อใด และด้วยวิธีการใด ดังนั้นตนจึงได้รีบรายงานต่อผู้บังคับบัญชาในกระทรวงการต่างประเทศตามลำดับชั้นทันที โดยโทรศัพท์ติดต่อนายนรชิด สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ (ขณะนั้น) ที่ติดตาม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศ (ขณะนั้น) ที่กำลังเดินทางไปราชการในต่างประเทศ และขอให้นายนรชิต นำความเรียน พล.อ.ธนะศักดิ์ เพื่อทราบข่าวดังกล่าวด้วย
นายนรชิต สั่งการให้ตนรายงานต่อนายนพดล เทพพิทักษ์ รองปลัดกระทรวงฯ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงฯ ตนจึงโทรศัพท์รายงานนายนพดล และทำโทรเลขรายงานกระทรวงการต่างประเทศ สรุปได้ว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ทราบข่าวว่า นายทักษิณ จะไปร่วมงานที่วัดพุทธาราม ฟินแลนด์ ในวันที่ 15 ส.ค. 2558 อย่างไรก็ดีในฐานะเอกอัครราชทูตฯ จำเป็นต้องไปร่วมงานที่วัดพุทธารามในวันดังกล่าวตามกำหนดเดิมที่เตรียมการไว้แล้ว เพื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานในพิธีเทิดพระเกียรติฯ นอกจากนี้ยังตอบรับเป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีวางแผ่นศิลาฤกษ์ด้วย
แต่ผู้บังคับบัญชาในกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้สั่งการหรือสั่งให้ตนถือปฏิบัติเช่นไร ต่อกรณีที่นายทักษิณเข้าร่วมงานที่วัดพุทธารามแต่อย่างใด
(บางส่วนในเอกสารคำชี้แจงของนายรัชนันท์ต่อ กมธ.สามัญตรวจสอบประวัติฯ)
เมื่อถึงวันที่ 15 ส.ค. 2558 หลังจบพิธีเทิดพระเกียรติฯ และถึงพิธีวางแผ่นศิลาฤกษ์ เมื่อตนประกอบพิธีดอกไม้มงคล 9 ท่อน และโปรยดอกไม้มงคลในงานเสร็จแล้ว จึงยืนรออยู่ห่าง ๆ ในบริเวณสถานที่วางแผ่นศิลาฤกษ์ด้วยความสำรวม เพื่อรอให้การวางแผ่นศิลาฤกษ์เสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อน
ลำดับต่อมาพิธีกรเชิญนายทักษิณ เดินออกจากปะรำพิธีเพื่อวางแผ่นเงินแผ่นทองพร้อมกับนมัสการเจริญพระเทพพุทธิมงคล ประธานสหภาพสงฆ์ไทยในทวีปยุโรป เพื่อวางแผ่นศิลาฤกษ์ หลังจากนายทักษิณวางแผ่นเงินแผ่นทองแล้ว นายทักษิณเดินออกจากสถานที่ดังกล่าวไปยังปะรำพิธีแต่เพียงลำพังผู้เดียว
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการแล้ว ตนรีบเดินออกจากปะรำพิธีเพื่อไปอยู่ที่กุฏิพระ และไม่ได้สนทนากับนายทักษิณแต่อย่างใด ต่อมาภายหลังทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ว่า นายทักษิณเดินทางกลับออกไปจากวัดแล้ว ตนจึงเดินออกมาจากกุฏิพระเพื่อร่วมงานวัดต่อ โดยรับประทานอาหารร่วมกับชุมชนไทย และได้เข้าร่วมพิธีฉลองอายุครบ 60 ปีเจ้าอาวาสวัด กระทั่งเสร็จงาน จึงเดินทางกลับทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ
นายรัชนันท์ ยืนยันในหนังสือชี้แจงด้วยว่า พิธีเทิดพระเกียรติฯ และพิธีวางแผ่นศิลาฤกษ์ดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้วางแผนไว้นานแล้ว และหากมิได้ไปปฏิบัติภารกิจหน้าที่ราชการที่วัดพุทธารามข้างต้น อาจเป็นประเด็นถูกหยิบยกขึ้นกล่าวโจมตีได้ว่า ไม่แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่สนใจทำนุบำรุงพุทธศาสนา บกพร่องต่อหน้ที่ราชการตามนโยบายกระทรวงการต่างประเทศ
นายรัชนันท์ ระบุด้วยว่า ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 14-15 ส.ค. 2558 ตลอดจนข่าวสื่อมวลชน และข่าวสื่อโซเชียลในห้วงเวลาดังกล่าวโดยละเอียดต่อกระทรวงการต่างประเทศทั้งทางโทรศัพท์และทางโทรเลข และส่งสำเนารายงานโทรเลขทุกฉบับให้ รมว.ต่างประเทศ รวมทั้งปลัดกระทรวงการต่างประเทศที่อยู่ระหว่างเดินทางไปราชการในต่างประเทศรับทราบด้วย
ต่อมากระทรวงการต่างประเทศสั่งให้ตนกลับไทยเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง โดยตนชี้แจงด้วยวาจากับนายวิทวัส ศรีวิหค รองปลัดกระทรวงฯ รวมทั้งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ พร้อมกับมอบหนังสือสถานเอกอัครราชทูตฯ ประกอบการชี้แจงเพิ่มเติมด้วย โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่เคยสั่งการใด ๆ หรือตำหนิตนเกี่ยวกับเหตุการณ์ข้างต้น แต่อย่างใดทั้งสิ้น นอกจากนี้ กมธ.สามัญตรวจสอบประวัติฯดังกล่าว ได้ขอรับสำเนาโทรเลขการชี้แจงของตนทุกฉบับมาพิจารณาครบถ้วนเรียบร้อยหมดแล้ว
“ขอเรียนยืนยันอย่างหนักแน่นด้วยความสัตย์จริงทุกประการต่อ กมธ.สามัญตรวจสอบประวัติฯว่า ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับนายทักษิณ ทั้งในหน้าที่ราชการ หรือในทางส่วนตัว อีกทั้งไม่เคยพบเห็นหน้านายทักษิณมาก่อน ตลอดชีวิตทั้งในหน้าที่ราชการ และทางส่วนตัว” นายรัชนันท์ ระบุ
(บางส่วนจากคำชี้แจงของนายรัชนันท์ต่อ กมธ.สามัญตรวจสอบประวัติฯ)
อย่างไรก็ดีประเด็นที่ กมธ.สามัญตรวจสอบประวัติฯ ยังคงสงสัยอยู่คือ เหตุใดนายรัชนันท์ ในฐานะเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ฟินแลนด์ ทราบข่าวว่านายทักษิณเดินทางเข้าฟินแลนด์ จึงไม่ประสานทางการไทยทำเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจากนายทักษิณเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตหลายคดี?
นายรัชนันท์ ทำหนังสืออีกฉบับชี้แจงยืนยันว่า “ไทยไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฟินแลนด์”
พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมว่า ตามทางปฏิบัติทั่วไป การร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศไทย ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนและสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ไทยทำกับประเทศต่าง ๆ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีหน้าที่สืบหาที่อยู่ของผู้ร้ายที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นหน่วยรับผิดชอบในการจัดทำคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อส่งคำร้องดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศ จัดส่งคำร้องให้ประเทศที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทางการทูต ได้แก่ สถานทูตของต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในไทย หรือสถานทูตไทยในต่างประเทศ โดยอ้างหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ (Reciprocity) ในกรณีที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน หรือโดยอ้างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่จัดทำขึ้นกับประเทศนั้น ๆ ประเทศผู้รับคำร้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการภายในของประเทศตน รวมทั้งสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่จัดทำขึ้นระหว่างกัน (หากมี)
อนึ่ง เอกอัครราชทูตไทยหรือกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศ ไม่มีอำนาจหน้าที่ใด ๆ ตามกฎหมายในการริเริ่มกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนแต่อย่างใด แต่หากทราบข่าวใด ๆ ที่อาจเป็นประโยชน์จะรายงานให้กระทรวงการต่างประเทศทราบทันที ทั้งนี้ไทยไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศฟินแลนด์อยู่นั้น ไม่เคยได้รับคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากกระทรวงการต่างประเทศหรือได้รับคำสั่งใด ๆ จากกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ดำเนินการกรณีนายทักษิณ แต่อย่างใดทั้งสิ้น
ทั้งหมดคือเบื้องหลังเหตุการณ์เจอนายทักษิณที่ฟินแลนด์ ฉบับนายรัชนันท์ เมื่อครั้งเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ที่เป็นชนวนเหตุสำคัญให้ ส.ว. มีมติไม่เห็นชอบดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ถึง 2 ครั้ง จนต้องมาฟ้องร้องกันในศาลปกครองอยู่ขณะนี้
ท้ายที่สุดเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ต้องรอการพิจารณาจากศาลปกครองต่อไป
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายทักษิณ จาก https://siamrath.co.th/
อ่านประกอบ :
‘รัชนันท์’ฟ้อง ส.ว.ปมไม่เห็นชอบตั้งตุลาการศาล ปค.สูงสุด-โฆษกฯปัด ก.ศป.งัดข้อสภาสูง
ตีตกซ้ำสอง! ส.ว.ไม่เห็นชอบ‘รัชนันท์’เป็นตุลาการศาล ปค.สูงสุด เหตุเคยถ่ายรูปคู่‘แม้ว’
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage