Louis Vuitton 73 ใบ LONGCHAMP 44 - HERMES -Gucci - PRADA- Bally -Coach ลอตที่สอง ปปง.ยึดทรัพย์คดีทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ 2,285.8 ล้าน คราวนี้ กระเป๋าแบรนด์เนม 160 ใบ ‘ปภาภัส หงษ์ทอง’ แว่นตากันแดด พวงกุญแจ รวม 163 รายการ 4.7 ล้าน
......................
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2563 คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งที่ ย.125/2563 ให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จํากัด รวม 93 รายการพร้อมดอกผล แบ่งเป็น ทรัพย์สินประเภทที่ดิน 89 รายการ โดยเป็นที่ดินในพื้นที่ กทม. เพชรบุรี ภูเก็ต และนครปฐม ในชื่อของนายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก รวมมูลค่า 115,226,899 บาท และทรัพย์สินประเภทบัญชีเงินฝาก 4 รายการในชื่อของนายบุญส่ง หงษ์ทอง และนางปภาภัส หงษ์ทอง รวมมูลค่า 12,752,792.72 บาท รวมทรัพย์สินที่ยึดและอายัดทั้งสิ้นจำนวน 93 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้น 127,979,691.72 บาท จากความเสียหายในคดีนี้ 2,285,871,379.12 บาท (เรื่องเกี่ยวข้อง : โชว์คำสั่ง ปปง.อายัดที่ดิน-บัญชีเงินฝากทุจริตสหกรณ์รถไฟฯ 93 รายการ 127.9 ล.)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2564 คณะกรรมการธุรกรรม ปปง.มีคำสั่งที่ ย.1/2564 ยึดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้อง นางปภาภัส หงษ์ทอง ในคดีนี้เพิ่มเติม ได้แก่ กระเป๋าแบรนด์เนม 160 ใบ แว่นตากันแดด และพวงกุญแจ 1 รายการ รวมทั้งสิ้น 163 รายการ มูลค่า 4,741,000 บาท อาทิ Louis Vuitton รุ่นต่างๆ จำนวน 73 ใบ LONGCHAMP 44 ใบ ที่เหลือ HERMES Gucci ,PRADA, Bally ,Coach, Michael Kors ฯลฯ
(ดูเอกสาร)
ทั้งนี้ พฤติกรรมของนายบุญส่ง หงษ์ทอง อดีตประธานที่ปรึกษา และผู้ก่อตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จํากัด กับพวก ตามที่ระบุใน คำสั่งของคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. คือ มีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิด เกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดเกี่ยวกับ การลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2552 จนถึงปี พ.ศ. 2559 นายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก ซึ่งเป็นประธานและกรรมการของสหกรณ์ออมทรัพย์ สโมสรรถไฟ จํากัด และเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจในสหกรณ์ที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน ได้ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้อํานาจ อนุมัติเงินกู้โครงการพิเศษให้กับตัวเองและพวกพ้อง ทําให้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จํากัด ได้รับ ความเสียหายประมาณ 2,285,871,379.12 บาท (สองพันสองร้อยแปดสิบห้าล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นหนึ่งพันสามร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทสิบสองสตางค์) ซึ่งการกู้เงินดังกล่าวขัดต่อระเบียบของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จํากัด ที่กําหนดไว้ว่าสมาชิกคนหนึ่งจะกู้เงินโครงการพิเศษได้ไม่เกินคนละ 15 ล้านบาท
โดยในขณะที่ดําเนินการนายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก ได้อาศัยอํานาจหน้าที่ในขณะที่ตํารงตําแหน่งผู้บริหาร และหัวหน้าฝ่ายจัดการของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จํากัด นําเงินออกจากสหกรณ์ออมทรัพย์ สโมสรรถไฟ จํากัด โดยทุจริตในลักษณะให้ดูเหมือนว่าเป็นการกู้เงินในโครงการพิเศษ จากนั้น นายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก ได้นําเงินเข้าบัญชีเงินฝากของตนเองและถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝาก เพื่อนําไปใช้ส่วนตัว และยังร่วมกันปกปิดการกระทําความผิดโดยทําสัญญากู้ยืมเงินขึ้นในภายหลัง เพื่อปิดบัง ไม่ให้ผู้ตรวจสอบบัญชีทราบถึงการกระทําความผิด สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จํากัด ทราบเรื่อง จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจนครบาลปทุมวัน เพื่อให้ดําเนินคดีกับนายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก พนักงานสอบสวนสถานีตํารวจนครบาลปทุมวันรับไว้เป็นคดีอาญาที่ 730/2561
ต่อมา พนักงานสอบสวนได้สรุปสํานวนการสอบสวนประเด็นข้อเท็จจริงว่านายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก กระทํา ความผิดจริง ประกอบกับภายหลังเกิดเหตุได้มีเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เข้าทําการตรวจสอบแล้วพบว่า มีการกู้เงินพิเศษที่ผิดปกติ และพยานซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาเงินกู้พิเศษยืนยันว่าไม่เคยทราบเรื่องการกู้เงินพิเศษที่นายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก ได้กู้เงินไปแต่อย่างใด โดยนายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก ได้อาศัย โอกาสที่ตนดูแลการกู้เงินและอนุมัติเงินกู้ได้ร่วมกันลักทรัพย์ของสหกรณ์ไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 จนถึงปี พ.ศ. 2559 จากนั้นได้ร่วมกันปกปิดการลักทรัพย์โดยทําเอกสารการกู้เงินปลอมและมติ ของคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อปิดบังไม่ให้คณะกรรมการและผู้ตรวจสอบบัญชีทราบถึงการกระทําความผิด พนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวกรวม 7 คน ในความผิดฐานร่วมกัน ลักทรัพย์ และร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) (11) ประกอบมาตรา 83
แต่พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีอยู่ใน อํานาจของกองบังคับการตํารวจรถไฟ พนักงานสอบสวนสถานีตํารวจนครบาลปทุมวันจึงส่งคดีให้สถานีตํารวจรถไฟนพวงศ์ ซึ่งพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจรถไฟนพวงศ์ ได้รับดําเนินคดีเป็นคดีอาญาที่ 24/2563 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง ปลอมและใช้เอกสารสิทธิ ปลอม และฝ่าฝืนไม่แก้ไขข้อบกพร่องตามที่นายทะเบียนสหกรณ์ สั่งการ ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (14) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดดังกล่าว
ต่อมาคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคําสั่งที่ ย. 125/2563 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2563 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว รายนายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก ร่วมกันทุจริตทรัพย์สินของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จํากัด จํานวน 93 รายการ พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นั้น
จากการตรวจสอบรายงานการทําธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมของบุคคล รวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทําความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน ในคดีดังกล่าว พบข้อมูลเพิ่มเติมว่า นางปภาภัส หงษ์ทอง เป็นเจ้าของทรัพย์สินเพิ่มเติมอีกจํานวน 163 รายการ ประกอบด้วยกระเป๋า ของหนัง แว่นตากันแดด พวงกุญแจ และอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฎหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าว เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทกระเป๋า ของหนัง แว่นตากันแดด พวงกุญแจ และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่ปรากฏ หลักฐานในทางทะเบียน โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองสามารถโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น ได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคําสั่งให้ยึดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิ ในทรัพย์สินดําเนินการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาล ได้มีคําสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สํานักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าว กลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก ร่วมกันทุจริตทรัพย์สิน ของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จํากัด ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดและอาจจะ มีการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม 163 รายการข้างต้น
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/