"...จากการระบาดครั้งนี้ เราได้ถอดบทเรียนจนพบว่า สถานที่ที่ทำงานที่มีลักษณะสถานประกอบการ สถานบันเทิงที่มีความแออัด มีความสามารถในการแพร่เชื้อสูง และพบว่าติดเชื้อแพร่เชื้อจากการไปมาหาสู่กัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องกักตัวให้ครบ 14 วัน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น นพ.วิชาญ กล่าว..."
.................................................
6,754 รายเป็นตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสม ในสถานการณ์การระบาดของโควิดระลอกใหม่ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2563 จนถึงปัจจุบัน
โดยการแถลงข่าวประจำวันที่ 13 ม.ค.2564 ของกระทรวงสาธารณสุข นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ได้วิเคราะห์สถานการณ์โควิดในพื้นที่ กทม. และพบข้อมูลที่น่าสนใจหลายประการ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบสถิติการติดเชื้อใน กทม. จากการระบาดทั้ง 2 ระลอก พบว่า จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อยังไม่สูงเท่ากับระลอกแรก ส่วนผู้ป่วย PUI หรือผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนและเฝ้าระวังโรค มีจำนวนไม่แตกต่างจากเดิม ซึ่งแสดงว่าระบบการเฝ้าระวังในพื้นที่ กทม. ยังมีประสิทธิภาพดีและไม่ได้ลดการเฝ้าระวังแต่อย่างใด
เมื่อเปรียบเทียบลักษณะของผู้ป่วย ยิ่งพบว่า การระบาดในระลอกแรกมีผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ 29% แต่การระบาดระลอกใหม่กลับมีผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการสูงถึง 49%
สำหรับกลุ่มคลัสเตอร์ที่เชื่อมโยงมาถึงผู้ป่วยในเขตเมืองนั้น พบว่าเกี่ยวข้องกับ สมุทรสาคร และสถานบันเทิง 3 พื้นที่ คือ ย่านปิ่นเกล้า ย่านธนบุรี และย่านบางนา นอกจากนั้นยังเริ่มพบรายงานผู้ติดเชื้อประปรายในกลุ่มของครอบครัว และในองค์กรต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานต้องช่วยกันเฝ้าระวังกันอย่างเข้มข้น เพื่อให้การระบาดยุติลงอย่างรวดเร็ว
นพ.วิชาญ กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนโรคพบว่า การระบาดระลอกใหม่นี้ มีความเชื่อมโยงกันทั้งบ่อนพนันและสถานบันเทิงในหลายพื้นที่ โดยมี 'นักเที่ยว-นักพนัน' เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของเชื้อโควิด
ยกตัวอย่าง กรณีกลุ่มคลัสเตอร์ที่ติดเชื้อในวอร์มอัพ คาเฟ่ จ.เชียงใหม่ เมื่อสอบสวนโรคอย่างละเอียดพบว่า 'นักเที่ยวบางคน' มีจุดเริ่มต้นจากบ่อนพนันในพัทยา ก่อนที่จะเดินทางไปสถานบันเทิงใน กทม. ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวที่วอร์มอัพ คาเฟ่ ในที่สุด
อีกหนึ่งตัวอย่างเกี่ยวข้องสถานบันเทิงเช่นเดียวกัน คือกรณีสถานบันเทิงย่านบางแค ที่พบข้อมูล 'นักเที่ยว' มีประวัติเชื่อมโยงกับบ่อนพนัน ก่อนนำไปติดกับพนักงานในสถานบันเทิง ต่อมาพนักงานนำเชื้อไปติดกับคนในครอบครัว รวมถึงลูกค้าที่มาเที่ยวอีกด้วย
“จากการระบาดครั้งนี้ เราได้ถอดบทเรียนจนพบว่า สถานที่ที่ทำงานที่มีลักษณะสถานประกอบการ สถานบันเทิงที่มีความแออัด มีความสามารถในการแพร่เชื้อสูง และพบว่าติดเชื้อแพร่เชื้อจากการไปมาหาสู่กัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องกักตัวให้ครบ 14 วัน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น” นพ.วิชาญ กล่าว
ปัจจุบัน กทม.มีมาตราการสั่งปิดสถานบันเทิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังไม่อนุญาตให้เปิดให้บริการ จึงขอให้ประชาชนคลายความกังวลจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้อีก 1 จุดเสี่ยงของ กทม.ที่พบ คือ 'ตลาด' ซึ่งพบว่ามีความเชื่อมโยงกับสมุทรสาคร เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าได้รับสินค้าจากสมุทรสาครมาขาย เจ้าหน้าที่เร่งตรวจหาเชื้อในเชิงรุก 117 ตลาด ตรวจกลุ่มเสี่ยงไปแล้ว 12,000 ราย พบผู้ติดเชื้อ 14 ราย และมีแผนที่จะตรวจคัดกรองเพิ่มเติมสัปดาห์นี้อีก 18,000 ราย ก็จะครอบคลุมพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มเสี่ยงทั้งหมด
ส่วนมาตราการของแรงงานข้ามชาตินั้น กทม. และกรมควบคุมโรคจะมีการประชุมเสนอแผนสุ่มสำรวจในโรงงานหรือสถานประกอบการต่างๆ ในพื้นที่ที่มีแรงงานข้ามชาติจำนวนมาก เพื่อจะให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) และ กทม.ได้พิจารณาต่อไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage