“...ในส่วนของ 31 พรรคการเมืองดังกล่าว ที่แจ้งเงินกู้ยืม หรือเงินทดรองจ่าย หลายพรรคมิได้ระบุชัดเจนว่า ยอดเงินดังกล่าวเป็นยอดเงินรวมจากบุคคลหลายคน หรือว่าเป็นบุคคลเดียว มีบางพรรคแจ้งว่าเป็นเงินกู้ยืมจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค หรือสมาชิกพรรค หรือบุคคลอื่น แต่ยอดเงินมิได้เกิน 10 ล้านบาท/ปี/พรรค แต่อย่างใด นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมสำนักงาน กกต. และคณะกรรมการ กกต. มีมติยุติการไต่สวนเรื่องดังกล่าว และตีตกข้อกล่าวหาไป ?...”
.............................
“งบการเงินของพรรคการเมืองทั้ง 31 พรรค ตั้งแต่ปี 2560-2562 ของ กกต. พบว่า การกู้ยืมเงินหรือการยืมเงินทดรองจ่ายจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค พรรคการเมือง หรือกรรมการสาขาพรรค โดยไม่คิดดอกเบี้ยหรือคิดดอกเบี้ย ที่ไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า ถือว่าเป็นประโยชน์อื่นใดตามมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ
อย่างไรก็ดีทั้ง 31 พรรค ไม่พบว่ามีการกู้ยืมเงินเกิน 10 ล้านบาท/คน/พรรค/ปี ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ในคดียุบพรรคอนาคตใหม่ จึงถือว่าการกู้ยืมเงินของพรรคการเมืองดังกล่าว ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยภายหลังนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นชอบ ได้มีการแจ้งให้คณะกรรมการ กกต. ทราบแล้ว”
คือใจความสำคัญตามผลการไต่สวนของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีพรรคการเมืองอย่างน้อย 31 แห่ง แจ้งงบการเงินปี 2561 ระบุว่า มีหนี้สินจากการกู้ยืมเงิน หรือเงินทดรองจ่าย จากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค หรือสมาชิกพรรค จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ซ่า ‘ซ้ำรอย’ พรรคอนาคตใหม่ ที่ระบุว่ามีเงินกู้ยืมจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค (ขณะนั้น) รวม 161.2 ล้านบาท จนถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไปก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ : กกต.สั่งยุติเรื่อง 31 พรรคปมกู้ยืมเงิน ชี้ไม่เกิน 10 ล้าน/ปี ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย)
ความเป็นมาของเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 แล้วว่า ในงบการเงินของพรรคการเมืองปี 2561 ที่แจ้งต่อ กกต. มีพรรคการเมืองอย่างน้อย 31 แห่ง (ไม่นับพรรคอนาคตใหม่ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค) แจ้งในส่วนของหนี้สินเป็นหนี้เงินกู้ยืม เงินกู้ระยะสั้น เงินทดรองจ่าย จากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค หรือสมาชิกพรรค มีรายละเอียด ดังนี้
หนึ่ง พรรคการเมืองอย่างน้อย 15 พรรค ระบุว่า มีหนี้สินในส่วนเงินกู้ยืม หรือเจ้าหนี้เงินกู้ยืม จากหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค หรือสมาชิกพรรค แต่มิได้ระบุว่าเป็นการกู้ยืมจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเป็นวงเงินในการกู้ยืมจากหลายบุคคลรวมกัน ได้แก่
1.พรรครวมพลังประชาชาติไทย แจ้งหนี้สิน มีเงินกู้ยืมจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน วงเงิน 5 ล้านบาท โดยระบุในหมายเหตุงบการเงินว่า เป็นเงินกู้ยืมจากกรรมการ โดยไม่มีการคิดดอกเบี้ย และไม่มีการทำสัญญา
2.พรรคไทรักธรรม แจ้งหนี้สินในส่วนเงินกู้ยืม-กรรมการบริหารพรรคปี 2561 วงเงิน 4,376,000 บาท ส่วนปี 2560 วงเงิน 432,000 บาท
3.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน แจ้งหนี้สินในส่วนเจ้าหนี้เงินกู้ยืม โดยเป็นการทำสัญญากู้ยืมเงินจากนายปรีดา บุญเพลิง (หัวหน้าพรรค) วงเงิน 501,125 บาท และนายสุพจน์ สีสุข 41,000 บาท รวม 2 สัญญาเป็นเงิน 542,125 บาท
4.พรรคพลังไทยรักชาติ แจ้งหนี้สินในส่วนเจ้าหนี้เงินกู้ยืมแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.เจ้าหนี้เงินกู้ยืม-หัวหน้าพรรค ในปี 2561 วงเงิน 85,000 บาท โดยระบุว่าพรรคได้ทำสัญญากู้ยืมเงินจากนายสุเทพ เข้มแข็งปรีชานนท์ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังไทยรักชาติ เป็นจำนวนเงิน 85,000 บาท โดยทำสัญญากู้ยืมลงวันที่ 10 ธ.ค. 2556 ส่วน 2.เจ้าหนี้เงินยืมอื่น ๆ ในปี 2561 วงเงิน 5,680,869 บาท รวมทั้งสองส่วนวงเงินกู้ยืมในปี 2561 จำนวน 5,765,869 บาท
5.พรรคเพื่อชีวิตใหม่ แจ้งหนี้สินในส่วนเงินกู้ยืม แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.เจ้าหนี้-เงินกู้ยืมบุคคลภายนอก ปี 2561 วงเงิน 50,000 บาท 2.เจ้าหนี้เงินยืมทดรองจ่าย แบ่งเป็น เจ้าหนี้-เงินทดรองจ่ายหัวหน้าพรรค 80,076 บาท และเจ้าหนี้เงินทดรองจ่ายสมาชิกพรรค 35,000 บาท รวมทั้งหมดในปี 2561 จำนวน 115,076 บาท
6.พรรคเงินเดือนประชาชน แจ้งหนี้สินในส่วนเงินกู้ยืม โดยระบุว่า มีเงินกู้ยืมจากกรรมการ ในปี 2561 วงเงิน 822,183 บาท และปี 2560 วงเงิน 807,188 บาท โดยมียอดคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2561 และ 2560 ดังกล่าว เป็นเงินกู้ยืมจากรรมการ โดยมีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยมีกำหนดชำระคืนเมื่อทางพรรคมีรายรับเพียงพอที่จะสามารถจ่ายชำระหนี้ได้
7.พรรคพลังประชาธิปไตย แจ้งหนี้สินในส่วนเจ้าหนี้เงินยืมจากหัวหน้าพรรค ปี 2561 วงเงิน 5,584,290 บาท
8.พรรคพลังศรัทธา แจ้งในหมายเหตุงบการเงินมีหนี้สินหมุนเวียน เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น 300,000 บาท
9.พรรคพลังชาติไทย แจ้งในหมายเหตุงบการเงินมีหนี้สินหมุนเวียน เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น 113,988 บาท
10.พรรคไทยธรรม แจ้งในหมายเหตุงบการเงินมีหนี้สินหมุนเวียน เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น 1,000 บาท โดยระบุว่า เป็นเงินกู้ยืมจากหัวหน้าพรรค และพรรคกู้ยืมเงินจากหัวหน้าพรรคโดยไม่มีการคิดดอกเบี้ยและไม่มีการทำสัญญา
11.พรรครวมใจไทย แจ้งในหมายเหตุงบการเงินมีหนี้สินหมุนเวียน เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น 45,697 บาท
12.พรรคเพื่อสหกรณ์ไทย แจ้งในหมายเหตุงบการเงินมีหนี้สินหมุนเวียน เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น ปี 2561 วงเงิน 226,000 บาท และปี 2560 วงเงิน 82,000 บาท รวม 2 ปีเป็นเงิน 306,000 บาท โดยระบุว่า เป็นเงินกู้ยืมจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกันเพื่อใช้ในการดำเนินงาน ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่คิดดอกเบี้ย
13.พรรคเมืองไทยของเรา แจ้งในหมายเหตุงบการเงินมีหนี้สินหมุนเวียน เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น ปี 2561 วงเงิน 542,750 บาท ปี 2560 วงเงิน 187,000 บาท รวม 2 ปีเป็นเงิน 729,750 บาท โดยระบุว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2561 และปี 2560 เงินกู้ยืมระยะสั้นทั้งจำนวน เป็นเงินกู้ยืมจากหัวหน้าพรรค เพื่อใช้ในการดำเนินงานของพรรค โดยไม่มีการทำสัญญา และไม่มีการคิดดอกเบี้ยระหว่างกัน ซึ่งกำหนดจ่ายชำระคืนเมื่อทวงถาม
14.พรรคพลังท้องถิ่นไท แจ้งในหมายเหตุงบการเงินมีหนี้สินหมุนเวียน เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น วงเงิน 1,427,000 บาท
15.พรรคประชาธิปไตยใหม่ แจ้งในหมายเหตุงบการเงินมีหนี้สินหมุนเวียน เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น แต่มิได้ระบุวงเงิน
สอง พรรคการเมืองอย่างน้อย 16 พรรค ระบุว่า มีหนี้สินเป็นเจ้าหนี้เงินสำรองจ่าย เจ้าหนี้เงินยืมทดรองจ่าย เงินยืมทดรองจ่าย เงินทดรองจ่าย จากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค หรือสมาชิกพรรค แต่มิได้ระบุว่าเป็นเงินทดรองจ่ายจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเป็นวงเงินในการกู้ยืมจากหลายบุคคลรวมกัน ได้แก่
1.พรรคเพื่อไทย มีเจ้าหนี้เงินสำรองจ่าย 13 ล้านบาท
2.พรรคภูมิใจไทย มีเงินทดรองจ่าย 30,164,287 บาท
3.พรรคชาติไทยพัฒนา มีเจ้าหนี้-เงินยืมทดรองจ่าย 5,050,457 บาท
4.พรรคพลังชล มีเจ้าหนี้เงินยืมทดรองจ่าย 2,816,000 บาท
5.อดีตพรรคไทยรักษาชาติ มีเจ้าหนี้เงินยืมทดรองจ่าย 1,738,868 บาท
6.พรรครักษ์ผืนป่าแห่งประเทศไทย มีเจ้าหนี้เงินยืมทดรองจ่าย 43,740 บาท
7.พรรคประชาภิวัฒน์ มีเงินยืมทดรองจ่าย 746,015 บาท
8.พรรคเพื่อธรรม มีเจ้าหนี้เงินยืมทดรองจ่าย 890,966 บาท
9.พรรคเพื่อสันติ มีเงินยืมทดรองจ่าย 335,500 บาท
10.พรรคพลังสหกรณ์ มีเงินยืมทดรองจ่าย 1,642,361 บาท
11.พรรคพลังคนกีฬา มีเงินทดรองจ่าย 4,145,713 บาท
12.พรรคอนาคตไทย มีเงินยืมทดรองจ่าย 429,700 บาท
13.พรรคประชากรไทย มีเงินทดรองจ่าย 12,845,239 บาท
14.พรรคมหาชน มีเงินทดรองจ่าย 4,428,739 บาท
15.พรรคความหวังใหม่ มีเงินยืมทดรองจ่าย 2,039,399 บาท
16.พรรคทางเลือกใหม่ แจ้งในหมายเหตุงบการเงินมีหนี้สินหมุนเวียน เป็นเงินทดรองจ่ายให้หัวหน้าพรรค 437,000 บาท โดยระบุว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2561 บริษัทฯ มีเงินทดรองจ่ายให้หัวหน้าพรรคจำนวน 437,000 บาท โดยไม่มีหลักประกันและไม่มีการคิดดอกเบี้ย
ขณะเดียวกันในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินนายธนาธร ระบุถึงประเด็นเงินกู้ว่า มิใช่รายได้ แต่เป็นรายรับ และเป็นเงินทางการเมือง ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตามให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า เงินกู้ หมายรวมถึงเงินบริจาค หรือประโยชน์อื่นใด ตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ดังนั้น บุคคลใดห้ามบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองเกิน 10 ล้านบาท/ปี/พรรค ส่วนนิติบุคคลถ้าบริจาคเงินเกิน 5 ล้านบาท/ปี/พรรค ต้องแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
อย่างไรก็ดีข้อเท็จจริงพบว่า ในส่วนของ 31 พรรคการเมืองดังกล่าว ที่แจ้งเงินกู้ยืม หรือเงินทดรองจ่าย หลายพรรคมิได้ระบุชัดเจนว่า ยอดเงินดังกล่าวเป็นยอดเงินรวมจากบุคคลหลายคน หรือว่าเป็นบุคคลเดียว มีบางพรรคแจ้งว่าเป็นเงินกู้ยืมจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค หรือสมาชิกพรรค หรือบุคคลอื่น แต่ยอดเงินมิได้เกิน 10 ล้านบาท/ปี/พรรค แต่อย่างใด
นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมสำนักงาน กกต. และคณะกรรมการ กกต. มีมติยุติการไต่สวนเรื่องดังกล่าว และตีตกข้อกล่าวหาไป ?
มีเพียงพรรคอนาคตใหม่พรรคเดียวเท่านั้นที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค เนื่องจากศาลเห็นว่า การกู้ยืมเงินจากนายธนาธรถึง 161.2 ล้านบาท เป็นการเปิดช่องให้มีบุคคลทำให้เกิดการครอบงำพรรค และถือว่าเป็นการทำธุรกิจการเมือง จึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคดังกล่าว
อ่านประกอบ :
กกต.สั่งยุติเรื่อง 31 พรรคปมกู้ยืมเงิน ชี้ไม่เกิน 10 ล้าน/ปี ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย
กางคำวินิจฉัยศาล รธน.จำแนกละเอียด 31 พรรคปมกู้เงิน-วัดบรรทัดฐาน กกต.?
ขมวดข้อเท็จจริง 8 พรรคแจ้งกู้เงินจาก หัวหน้า-กก.-คนนอก มิใช่เงินทดรองจ่าย?
เจออีก! 9 พรรคเล็กแจ้งมีเงินกู้-ทดรองจ่าย กกต.ลุยสอบ-ยอดพุ่ง 32 พรรค
อย่างน้อย 23 พรรคแจ้งกู้เงิน! ชัด ๆ รายละเอียดสัญญา-วัดบรรทัดฐาน กกต.?
อนค.เอฟเฟกต์! กกต.แจงสอบอยู่ปมพรรคการเมืองอื่นกู้เงิน-พบฝ่าฝืน กม. ดำเนินการแน่
ซ้ำรอยอนาคตใหม่! ‘ศรีสุวรรณ’ลุยร้อง กกต.สอบ 16 พรรคการเมืองปมกู้เงิน
คุ้ยเจออีก 7 พรรคเล็ก! แจ้งหนี้สินมีเงินกู้ยืม-ทดรองจ่าย? ยอดรวม 15 พรรค
ไม่ตรงตามธงเลยหาช่อง! ‘ปิยบุตร’แจงปม อนค.กู้เงิน-จี้ กกต.ต้องมีบรรทัดฐานให้ชัด
ไม่ใช่แค่ อนค.! เปิดอีก 7 พรรคกู้ยืมเงิน กก.บริหารฯหลักสิบล.-ใช้เป็นเงินทดรองจ่าย?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/