"...เหตุผลที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งให้รอการลงโทษจำคุก จำเลยในคดีนี้ทั้ง 5 ราย เป็นเพราะไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเป็นเรื่องการซื้อพัสดุไม่ตรงตามใบสั่งซื้อ แต่ก็นำพัสดุที่ซื้อมาไปใช้ประโยชน์แก่การเรียนการสอนในมหาวิทยาฯ จึงเห็นสมควร ให้โอกาสกลับตัว โทษจำคุก จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 3 ปี ..."
....................................
"คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2563 ลงมติไม่เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 "
คือ ความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อคดีกล่าวหา นายไพศาล จริตพจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมต่อเรือพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับพวก ประกอบไปด้วย นายสมบัติ เนียมหวาน นายมนตรี แก้วมั่นธรรม นายธงชัย สายแวว นายอมร รักซ้อน และนายศิริชัย แก้วมณี ทุจริตในการจัดซื้อวัสดุฝึกนักศึกษาชั้น ปวช.2 และในการจัดซื้อวัสดุซ่อมพัดลมเพดานห้องเรียนสามัญ ปีงบประมาณ 2550
ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษา จำคุก นายไพศาล จริตพจน์ จำเลยที่ 1 กระทงละ 5 ปี ปรับกระทงละ 6,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 10 ปี ปรับ 12,000 บาท จำคุก นายสมบัติ เนียมหวาน จำเลยที่ 2 นายมนตรี แก้วมั่นธรรม จำเลยที่ 3 นายธงชัย สายแวว จำเลยที่ 4 และนายศิริชัย แก้วมณี จำเลยที่ 6 คนละกระทงละ 3 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 4,000 บาท รวมคนละ 2 กระทง เป็นจำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน ปรับคนละ 8,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 3 ปี ส่วน นายอมร รักซ้อน จำเลยที่ 5 ให้ยกฟ้อง
ตามข้อมูลในข่าวที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
(อ่านประกอบ : คุก10ปี แต่รอลงโทษ! อดีตผอ.วิทยาลัยฯต่อเรืออยุธยา ทุจริตจัดซื้อวัสดุฝึกน.ศ.-ซ่อมพัดลม)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้เพิ่มเติม พบว่า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2563 สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ได้เผยแพร่คำสั่งอัยการสูงสุด กรณีไม่อุทธรณ์คำพิพากษาคดีนี้เป็นทางการ
ระบุข้อมูลสำคัญ 2 ประการดังนี้
1. เหตุผลที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งให้รอการลงโทษจำคุก จำเลยในคดีนี้ทั้ง 5 ราย เป็นเพราะไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเป็นเรื่องการซื้อพัสดุไม่ตรงตามใบสั่งซื้อ แต่ก็นำพัสดุที่ซื้อมาไปใช้ประโยชน์แก่การเรียนการสอนใน มหาวิทยาฯ
จึงเห็นสมควร ให้โอกาสกลับตัว โทษจำคุก จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 3 ปี
2. อัยการสูงสุดพิจารณา โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมและประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญแล้วเห็นว่า คดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 5 ราย โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี เป็นการกำหนดโทษตามสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดีชอบแล้ว
ส่วน นายอมร รักซ้อน จำเลยที่ 5 ที่ศาลฯ ให้ยกฟ้อง มีความเห็นว่า ร่วมลงลายมือชื่อเป็นคณะกรรมการตรวจรับสินค้าร่วมกับ จำเลยที่ 3 , 4
โดยจำเลยที่ 5 อ้างว่า ในวันที่ 25 ก.ย.2550 ตามที่ระบุใบตรวจรับสิ่งของนั้น จำเลยที่ 5 อบรมเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และได้ลงนามในใบตรวจรับสิ่งของเดือนพ.ย.2550 ซึ่งขณะนั้นมีวัสดุตามใบสั่งซื้อวางอยู่ในห้องเรียนที่ จำเลยที่ 4 ใช้สอนและให้นักศึกษาฝึกซ่อมประกอบ โดยส่วนของพัดลมที่ใช้ประโยชน์
สอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามสำเนาบันทึกสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฎชัดว่าจำเลยที่ 5 ได้รู้ถึงข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 1 และ 6 และได้ร่วมกันกับจำเลยอื่นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่วิทยาลัยฯ หรือร่วมปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
การที่ศาลยกฟ้อง จำเลยที่ 5 ชอบด้วยเหตุผลและพนยานหลักฐานในสำนวนคดีนี้แล้ว
จึงไม่มีเหตุในการอุทธรณ์คำพิพากษาคดีนี้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/