“...เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยในการเปิดกิจการผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้มีมาตรการบังคับที่ชัดเจนและเข้มงวด โดยเฉพาะในเรื่องการตรวจติดตาม นอกจากใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ต้องมีมาตรการลงโทษที่เข้มงวด มีระบบการจองล่วงหน้า ควบคุมจำนวนผู้เข้าใช้บริการ การตรวจคัดกรอง การตรวจบัตรประจำตัวประชาชนอย่างเคร่งครัด งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายหลังเวลา 24.00 น. และดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างจริงจัง…”
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้วว่า สาเหตุประการหนึ่งที่คณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับลูกที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ออกไปอีก 1 เดือน หรือระหว่างวันที่ 1-31 ก.ค. 2563 เพราะประโยชน์ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะช่วยคุ้มครองไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐถูกฟ้องหรือถูกดำเนินคดีฐานจากการกระทำผิดสัญญาสัมปทานกับภาคเอกชน เช่น กรณีรถไฟฟ้า BTS ซึ่งมีสัญญากำหนดเงื่อนไขรูปแบบการให้บริการ จำนวนรอบเที่ยวเดินรถ และจำนวนของผู้โดยสาร เป็นต้น (อ่านประกอบ : ต้องใช้อำนาจเข้มงวด-ป้อง จนท.รัฐถูกฟ้อง! เบื้องหลัง ครม.บิ๊กตู่ ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ)
อย่างไรก็ดีภายหลังการขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมีการผ่อนคลายระยะที่ 5 ‘ไฟเขียว’ เปิดบริการสถานบันเทิง ทั้งอาบอบนวด ห้างสรรพสินค้า ร้านเกม-ร้านอินเทอร์เน็ต และสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงเบียร์ โรงเหล้า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดีสถานบันเทิงเหล่านี้ ศบค.ขึ้น ‘แบล็คลิสต์’ ไว้ว่าต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และหากพบการกระทำผิด หรือกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อต้องถูกลงโทษสถานหนักทันที ?
เพื่อขยายความให้ชัดขึ้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเบื้องหลังการผ่อนคลายระยะที่ 5 ในที่ประชุม ศบค. มานำเสนอ ดังนี้
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รายงานข้อเสนอมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 5 โดยกำหนดเงื่อนไขและมาตรการสำคัญ ดังนี้
1.การใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ได้แก่ (1) เปิดดำเนินการได้โดยได้รับอนุญาตจากต้นสังกัด (2) ลงทะเบียนยืนยันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่กำหนด (3) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข จัดทำคู่มือเกณฑ์การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค และ (4) ส่วนราชการหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่รับผิดชอบประเมินความพร้อมของโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา ก่อนเปิดการศึกษาและดำเนินการ
2.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ กำหนดเปิดถึงเวลา 22.00 น. สำหรับร้านสะดวกซื้อเปิดได้ 24 ชั่วโมง
3.สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบการคล้ายสถานบริการ (เช่น โรงเบียร์ โรงเหล้า ลานเบียร์ Pub & Restaurant เป็นต้น) ได้แก่ (1) ให้บริการได้ไม่เกิน 24.00 น.ทุกกรณี (2) ระยะนั่งและยืน 1 เมตร จำกัดผู้ใช้บริการตามขนาดพื้นที่มากกว่าหรือกับ 4 ตร.ม./คน และห้ามร่วมโต๊ะกับกลุ่มอื่น (3) ระยะห่างโต๊ะต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 2 เมตร หรือมีฉากกั้นสูงกว่าหรือเท่ากับ 1.5 เมตร (4) มีระบบระบายอากาศ และระบบหมุนเวียนอากาศที่ดี มีพื้นที่สูบบุหรี่เฉพาะส่วนบุคคล (5) ทุกคนลงทะเบียนเข้า-ออกสถานที่โดยใช้แอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” และปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค
4.ร้านเกมและร้านอินเทอร์เน็ต ได้แก่ (1) ผู้ใช้บริการอายุน้อยกว่า 15 ปี สามารถใช้บริการได้ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00 น.-20.00 น. (2) ผู้ใช้บริการอายุ 15-18 ปี สามารถใช้บริการได้ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00 น.-22.00 น. และวันหยุดราชการเวลา 10.00 น.-22.00 น. (3) ผู้ใช้บริการอายุมากกว่า 18 ปี สามารถใช้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง (4) ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา (5) จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ (เกณฑ์มากกว่าหรือเท่ากับ 4 ตร.ม./คน) (6) เว้นระยะนั่ง-ยืน-ทางเดินมากกว่าหรือเท่ากับ 1 เมตร และ (6) จำกัดเวลาให้บริการในระบบ 2 ชม./รอบ พักทำความสะอาด 15 นาที
5.สถานประกอบกิจการ อาบ อบ นวด โรงน้ำชา ได้แก่ (1) สถานประกอบกิจการฯ ต้องมีใบอนุญาตสถานบริการถูกต้องตามกฎหมาย (2) ทุกคนลงทะเบียนเข้าและออกสถานที่ด้วยแอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” หรือจดบันทึกรายงานแทนได้ (3) ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า หรือ Face Shield ตลอดเวลา ยกเว้นขณะอาบน้ำ (4) ทำความสะอาดห้อง/อ่าบอาบน้ำ ห้องสุขาพื้นผิวสัมผัสร่วมบ่อย ๆ ก่อนและหลังบริการแต่ละครั้ง (5) ตรวจหาเชื้อโควิด-19 กลุ่มพนักงานเป็นระยะ พร้อมเฝ้าระวังโรคอื่นด้วย (6) อาจพิจารณาให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ส่วนรวมของร้าน
ข้อคิดเห็น/ข้อสังเกตของที่ประชุม : เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยในการเปิดกิจการผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้มีมาตรการบังคับที่ชัดเจนและเข้มงวด โดยเฉพาะในเรื่องการตรวจติดตาม นอกจากใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ต้องมีมาตรการลงโทษที่เข้มงวด มีระบบการจองล่วงหน้า ควบคุมจำนวนผู้เข้าใช้บริการ การตรวจคัดกรอง การตรวจบัตรประจำตัวประชาชนอย่างเคร่งครัด งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายหลังเวลา 24.00 น. และดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบและตระหนักว่า สถานบันเทิง เป็นแหล่งที่มีความเสี่ยงแพร่เชื้อระบาดโควิด-19 สูง ดังตัวอย่างปรากฏในต่างประเทศ รัฐบาลได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการผ่อนคลายผลกระทบทางเศรษฐกิจ ขอให้ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตรวจตราควบคุมให้เป็นไปตามกฎหมายด้วย และเน้นย้ำว่าห้ามการค้าประเวณี
ทั้งนี้มติที่ประชุม เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เข้มงวดในการใช้กฎหมายและการตรวจควบคุมสถานประกอบการ ให้ระบุมาตรการลงโทษ และความรับผิดชอบของสถานประกอบการกรณีเกิดปัญหา เจ้าหน้าที่รัฐต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เช่น การให้ปิดสถานประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายทันที เป็นต้น
ทั้งหมดคือเหตุผลบางส่วนในการผ่อนคลายระยะที่ 5 โดยการวาง 'กฎเหล็ก' ไว้เข้มงวด ป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่วนจะป้องกันได้มากน้อยแค่ไหน-อย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป!
อ่านประกอบ :
ถ้าจำเป็นก็ต้องต่อ!'บิ๊กตู่'ย้ำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินช่วยคุมโควิดได้ดี
แพร่ประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินถึง31ก.ค.-ผ่อนปรนเฟส 5 อนุญาตบุคคลเข้าไทย
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage