"...บริษัทฯ ได้เป็นคู่สัญญากับทางการประปาส่วนภูมิภาค ในช่วงเกิดภัยแล้วปี 2548 ซึ่งทางการประปาส่วนภูมิภาค ได้เจรจากับบริษัทฯ ว่า จะสามารถเพิ่มกำลังผลิตน้ำจืดจากแหล่งน้ำหลายทางรวมถึงน้ำทะเลได้หรือไม่ ซึ่งบริษัทไม่ทราบรายละเอียดอะไรมาก ทราบเพียงแค่ว่าเจ้าของที่ดินเดิม ซึ่งก็คือผู้ที่เช่าที่อยู่ในปัจจุบัน จะคืนสิทธิที่ดินให้กับทาง ส.ป.ก. ต่อมาทาง ส.ป.ก.ก็เลยให้การประปาส่วนภูมิภาคเข้ามาใช้ประโยชน์พื้นที่ และการประปาส่วนภูมิภาคก็ได้ส่งมอบที่ดินดังกล่าวมาให้ทางบริษัทฯ ได้ใช้ประโยชน์ ในการดำเนินงานโครงการของบริษัทฯ ซึ่งเริ่มขึ้นมาประมาณปี 2549..."
ปัญหาข้อพิพากเรื่องการถือครองที่ดิน บริเวณเนินเขาหาดกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ยังคงปรากฎให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดนอกเหนือจากกรณีที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พาทีมงานลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูลการถือครองเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก เลขที่ 1863 เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ โครงการเดอะ พีค เรสซิเดนซ์ ของบริษัท กะตะ บีช จำกัด ที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาหาดกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ก่อนหน้านี้
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการร้องเรียนปัญหาการถือครองสิทธิ์ในพื้นที่ ต.กะรนอีกกรณีหนึ่ง ในลักษณะการครอบครองกรรมสิทธิ์เหนือที่ดินของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ที่ได้ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างและรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ลำรางสาธารณะ
ปรากฎข้อมูลหลักฐานเป็นภาพถ่ายจากกรมแผนที่ทหารซึ่งแตกต่างกัน 2 ช่วงเวลา โดยในช่วงปี 2545 นั้นข้อมูลจากกรมแผนที่ทหารได้ระบุถึงที่ดินจำนวน 3 ส่วนด้วยกันคือที่ของบริษัทเอกชน (สีแดง เขียนคำว่า U2) พื้นที่ลำรางสาธารณะ(สีฟ้า) และพื้นที่ทำกินของชาวบ้านตามโฉนดเลขที่ 65986 (มีเส้นประสีเขียว)
ต่อมาในช่วงปี 2558 ปรากฏข้อมูลจากกรมแผนที่ทหารว่าบริษัทเอกชนที่เขียนคำว่า U2 ตามภาพนั้น ได้มีการก่อสร้างสิ่งปลุกสร้างรุกล้ำเข้าไปถึงที่ดินลำรางสาธารณะเดิม และมีการทำลำรางสาธารณะใหม่ จนกระทั่งไปติดขอบพื้นที่ของที่ดินที่เป็นที่โฉนด
เบื้องต้น ชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ได้รวมตัวกันยืนเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้เป็นทางการแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
"เรื่องนี้มีการร้องเรียนไปถึงเทศบาลหลายครั้งแล้ว รวมไปถึงศูนย์ดำรงธรรมด้วย โดยทางศูนย์ดำรงธรรมได้มีการส่งหนังสือไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้ส่งหนังสือไปให้ทางอำเภอและทางเทศบาลภูเก็ตไปแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการดำเนินการอะไร" ตัวแทนชาวบ้าน ให้ข้อมูลยืนยัน
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยังนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรี ต.กะรน เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้
เบื้องต้น นายทวี ระบุว่า ยังไม่เห็นประเด็นเรื่องรุกที่ดังกล่าว แต่ถ้าหากผู้ที่มีร้องเรียนกับสำนักข่าวอิศรา มีข้อมูลหลักฐานยืนยันชัดเจน ว่าเอกชนมารุกที่จริง สามารถนำเรื่องมาร้องเรียนได้ จะมอบหมายให้ฝ่ายโยธาไปดูแลต่อไป
ด้านตัวแทนจากบริษัท อาร์ อี คิว วอร์เตอร์ เซอร์วิส จำกัด (R.E.Q Water Services Ltd.) ซึ่งถูกระบุว่า ก่อสร้างสิ่งปลุกสร้างรุกล้ำเข้าไปที่ลำรางสาธารณะให้สัมภาษณ์ชี้แจงสำนักข่าวอิศราว่า ที่ผ่านมาได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังเทศบาลแล้ว หลังจากเทศบาลได้ส่งหนังสือร้องมายังบริษัทว่า มีผู้ไปร้องเรียนกับทางศูนย์ดำรงธรรมว่าบริษัทปลูกสิ่งก่อสร้างรุกล้ำที่ลำรางสาธารณะ
"ทางเทศบาลฯ ได้ขอให้บริษัทฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ไปตรวจสอบข้อมูลแล้ว แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้รับแจ้งประสานผลการตรวจสอบกลับมาจาก ส.ป.ก."
ตัวแทนบริษัทฯ รายนี้ ยังชี้แจงถึงที่มาเกี่ยวกับการปลูกสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นลำรางสาธารณะว่า "บริษัทฯ ได้เป็นคู่สัญญากับทางการประปาส่วนภูมิภาค ในช่วงเกิดภัยแล้วปี 2548 ซึ่งทางการประปาส่วนภูมิภาค ได้เจรจากับบริษัทฯ ว่า จะสามารถเพิ่มกำลังผลิตน้ำจืดจากแหล่งน้ำหลายทางรวมถึงน้ำทะเลได้หรือไม่ ซึ่งบริษัทไม่ทราบรายละเอียดอะไรมาก ทราบเพียงแค่ว่าเจ้าของที่ดินเดิม ซึ่งก็คือผู้ที่เช่าที่อยู่ในปัจจุบัน จะคืนสิทธิที่ดินให้กับทาง ส.ป.ก. ต่อมาทาง ส.ป.ก.ก็เลยให้การประปาส่วนภูมิภาคเข้ามาใช้ประโยชน์พื้นที่ และการประปาส่วนภูมิภาคก็ได้ส่งมอบที่ดินดังกล่าวมาให้ทางบริษัทฯ ได้ใช้ประโยชน์ ในการดำเนินงานโครงการของบริษัทฯ ซึ่งเริ่มขึ้นมาประมาณปี 2549"
"ทางประปาเขาเป็นผู้ขอให้เราไปก่อสร้างให้ระบบการประปาให้ แต่ประเด็นที่ตอนนี้ยังงงๆกันอยู่ ก็คือ ส.ป.ก.ต้องมายืนยันเขตและแนวที่ดินให้ชัดเจน แต่ ทางบริษัทขอเรียนว่าไม่ได้รุกล้ำลำรางสาธารณะแต่อย่างใด เราได้ดำเนินการก่อสร้างอยู่บนที่ดินที่ถูกจำกัดด้วยลำรางอยู่แล้ว และไม่ได้ไปถมพื้นที่คลองเพื่อก่อสร้างแต่อย่างใด" ตัวแทนบริษัทระบุ
ตัวแทนบริษัทฯ ยังได้ชี้แจงต่อว่า "ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้ไปสอบถามทางเทศบาลถึงปัญหาดังกล่าวแล้ว ทราบว่าก่อนที่บริษัทฯ จะเข้าไปทำการก่อสร้างมีประเด็นฟ้องร้องกันระหว่างใครสักคนหนึ่งกับทางเทศบาลว่าแนวลำรางนั้นมีความผิดเพี้ยนไป ส่วนตัวก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไร สิ่งที่ทำได้ก็คงจะต้องเป็นการรอความชัดเจนจากทาง ส.ป.ก.เท่านั้นว่าจะมีข้อสรุปเรื่องขอบเขตที่ดินตรงนี้อย่างไร ถ้าหากทาง ส.ป.ก.ชี้แจงออกมาแล้ว ทางบริษัทฯ ก็พร้อมจะแก้ไขให้ถูกต้อง"
รุก ไม่รุก ต้องรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage