
"...เหล่านี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจในการอภิปราย ซึ่งผู้อภิปรายส่วนใหญ่ล้วนเห็นตรงกันว่าต้องปรับปรุงเครื่องมือและตัวชี้วัดของ ITA รวมถึงต้องนำเทคโนโลยี เช่น AI เป็นต้น เข้ามาใช้ในการตรวจสอบ เพื่อให้มีความเที่ยงตรงปราศจากอคติ..."
จากกรณี เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยสำนักประเมินคุณธรรรมและความโปร่งใส จัดการแถลงข่าวของคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA)
โดยศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะให้สื่อมวลชนและผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ยังมีข้อสงสัยหรือข้อแนะนำให้กับ ITA ทั้งนี้จากการดำเนินการประเมิน ITA อย่างต่อเนื่องตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ประเมินไปแล้วรวมกว่า 8,000 องค์กร แต่อย่างไรก็ตาม ITA ยังคงมีข้อบกพร่อง ที่ไม่มีการตรวจสอบการประเมินของ ITA อีกทั้งยังไม่ได้มีการตรวจสอบองค์กรต่าง ๆ หลังจากที่ได้รับการประเมิน ITA ไปแล้วว่ามีการแก้ไขข้อบกพร่องหรือไม่ ทำให้มีการท้วงติงจากประชาชนและสื่อมวลชน ยกตัวอย่างกรณีการประเมินสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง
นอกจากนี้แล้ว ITA ยังมีปัญหาเกี่ยวกับเกณฑ์การประเมินที่ไม่นำข้อร้องเรียนของประชาชนมาใช้ในการประเมิน เนื่องจากหน่วยงานเห็นว่าเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวกระทบกระเทือนต่อหน่วยงาน ประกอบกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐบางส่วนยังไม่เข้าใจ ITA จึงต้องมาร่วมกันหาทางออกเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยและเพื่อให้ ITA สะท้อนความจริง

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในการจัดแถลงข่าวของคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ดังกล่าว ยังมีการอภิปรายในหัวข้อ 'มุมมองการพัฒนาระบบการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส' โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมิน ITA พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารของสำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมการอภิปราย

สำนักข่าวอิศรา สรุปประเด็นที่น่าสนใจมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วกัน ณ ที่นี้
ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นใน ITA ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา คือ ประชาชนและสื่อมวลชนสงสัยว่าหน่วยงานที่ได้รับการประเมินมีการพัฒนาขึ้นหรือไม่ จึงต้องมีการประเมินว่าการประเมิน ITA ที่ผ่านมามีประสิทธิภาพหรือไม่ ซึ่งเครื่องมือและตัวชี้วัดของ ITA ในปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์สภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าการประเมิน ITA ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประชาชนหรือไม่ อีกทั้งปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐยังมีการเปิดเผยข้อมูลแค่ 65% ซึ่งจริง ๆ แล้วควรจะเปิดเผย 100% เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ จึงต้องมาร่วมกันหาทางออกเพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐมากขึ้น

ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา ยังกล่าวด้วยว่า "มีการตั้งคำถามว่าพอแล้วหรือไม่กับการที่กำหนดว่าองค์กรนั้นเป็นองค์กรที่ดี แค่เราตีความคำว่า “Integrity” ว่า คุณธรรมก็ผิดแล้ว เพราะความจริงคือจริยธรรม ซึ่งหมายถึงการเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม คุณธรรมคือ การเสียสละทั้งชีวิตตายก็ไม่เสียดายชีวิต สิ่งที่ต้องการที่สุดในการตรวจสอบทุจริตคือ การให้องค์กรของเราพร้อมที่จะให้คนตรวจสอบ"
"เรารับหลักการ ความโปร่งใสมาแล้ว หากองค์กรมีความโปร่งใสก็พร้อมที่จะก้าวหน้าและแก้ไขข้อผิดพลาดในอนาคต ผลดีของการตรวจสอบ ITA เดิมคนเข้าถึงข้อมูลน้อยมากไม่ถึงครึ่ง แต่ปัจจุบันเราทำให้หน่วยงานที่ไม่ชอบเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบ เปิดเผยข้อมูลแล้ว 65% แต่เราตั้งเป้าไว้ว่าทุกหน่วยงานต้องยินดีให้ตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูล 100%"
"แต่ปัญหาที่กระทบกระเทือนจิตใจคือ หน่วยงานไม่อยากให้เราเข้าไปเกี่ยวข้องในการตรวจสอบ สะท้อนว่าระบบเกรงใจยังมีอยู่ เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีข้อมูลเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุซ้ำรอยกับกรมอุทยานฯ ที่ได้คะแนนประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ระดับ A แต่อธิบดีฯ กลับรับส่วย ซึ่งไม่สะท้อนความเป็นจริง ฉะนั้นหมดเวลาที่จะพูดหรือทำอะไรเล่น ๆ เกรงใจกัน ผลัดกันเกาหลังเพื่อให้เกิดผลดี ประชาชนมีความศรัทธาและเชื่อถือไว้วางใจหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเป็นหัวใจในการตรวจสอบของ ITA ก่อให้เกิดจริยธรรม ให้ผู้คนเชื่อถือศรัทธาในหน่วยงาน" ศาสตราจารย์พิเศษ วิชาระบุ
ด้านศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.สุรพล อิสรไกรศีล กล่าวถึงประเด็นการตรวจสอบข้อบกพร่องเพื่อหาแนวทางและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และกล่าวถึงการปรับปรุงเครื่องมือของ ITA ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น และยังกล่าวถึงหลักการของ ITA ที่เน้นที่เรื่องแบบสอบถามมากกว่าพฤติกรรมจริง จึงต้องเปลี่ยนแนวทางเป็นการประเมินพฤติกรรมและคุณธรรมขององค์กร และต้องใช้ตัวชี้วัดให้ตรงตามภารกิจและบริบทของหน่วยงาน และกล่าวถึงปัญหาคะแนนของ ITA ที่ไม่สะท้อนกับความเป็นจริง การประเมินคะแนน ITA ควรมีการตรวจตราสัญญาณที่ส่อถึงการทุจริตในหน่วยงาน เช่น หน่วยงานที่เปลี่ยนผู้บริหารบ่อย เป็นต้น
"ระบบที่ดีจะช่วยให้ประเทศไปต่อได้ คนดีอย่างเดียวไม่พอ ดังนั้นประเทศต้องมีระบบที่ดีด้วย เราต้องไม่มีสังคมที่อดทนต่อการโกง แต่ต้องมีสังคมที่ไม่มีการโกงอีกต่อไป" ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.สุรพล กล่าว
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ กล่าวถึงประเด็นให้มองการประเมินเป็นการพัฒนาและการให้คำปรึกษา เพราะการประเมินเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรสร้างความเข้าใจ เน้นย้ำ และเรียนรู้ร่วมกัน การประเมิน ITA ควรวางเกณฑ์ให้เข้ากับธรรมชาติของหน่วยงาน เช่น การประเมินโรงเรียนเอกชนต้องใช้เกณฑ์แบบหนึ่ง ส่วนการประเมินโรงเรียนรัฐต้องใช้เกณฑ์อีกแบบหนึ่ง เป็นต้น และกล่าวถึงประเด็นการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานตรวจสอบต่าง ๆ และการนำเทคโนโลยี เช่น MIS (Management Information System ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการเป็นระบบที่ใช้สนับสนุนการตัดสินใจและการบริหารจัดการในองค์กร) AI (Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์) เป็นต้น มาใช้ในการประเมิน ITA แทนการตอบแบบสอบถามที่อาจมีการทุจริตในการตอบได้ ดังนั้นต้องหาเครื่องมือที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ และควรเริ่มใช้ระบบ MIS ในการประเมิน ITA
ศาสตราจารย์ ดร.ผลิน ภู่จรูญ กล่าวถึงประเด็นคุณค่าความไว้ใจของประชาชนต่อหน่วยงานรัฐ การประเมิน ITA ของประเทศไทยทำได้ยากเพราะคนไทยไม่มีความกล้า จึงไม่กล้าตอบแบบสอบถาม ไม่กล้าตอบความจริง จึงต้องเริ่มต้นที่หน่วยงานรัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน ต่อมาต้องเปลี่ยนวิธีการคิดของประชาชนให้มีความกล้ามากขึ้น และกล่าวย้ำถึงความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชน เพราะประชาชนมีสิทธิ์ที่จะรู้ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการนำ AI มาใช้ในการประเมินเพราะปราศจากอคติ แจกต่างจากมนุษย์ที่มีระบบอุปถัมภ์ และยังกล่าวถึงการสร้างวัฒนธรรมที่ไม่ทนต่อการคอร์รัปชัน โดยปลูกฝังต่อเด็กที่จะเติบโตมาเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศในอนาคต อีกทั้งยังเสนอให้มีการตั้งกลุ่มเฝ้าระวังการทุจริต และยังกล่าวถึงความสำคัญของเครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน ITA ที่ต้องใช้ให้เหมาะสมกับบริบท

รองศาสตราจารย์ ดร.สิริลักษณา คอมันตร์ กล่าวถึงประเด็นปัญหาของ ITA ในด้านต่าง ๆ เช่น การไม่ได้ประเมินการทุจริตของหน่วยงาน ปัญหาจากการตอบแบบสำรวจความคิดเห็นที่คนตอบไม่ตอบข้อมูลตามความเป็นจริง ปัญหาข้อคำถามที่ตอบได้ยาก เป็นต้น และยังกล่าวถึงการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การประเมินการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ปัจจุบันยังขาดการเปิดเผยข้อมูลในด้านการจัดซื้อจัดจ้างโดยละเอียด นอกจากนี้ยังกล่าวถึงปัญหาการทุจริตแบบเครือข่ายหรือระบบอุปถัมภ์ที่จงใจละเมิดกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้ทุจริต ที่ต้องออกแบบ ITA เพื่อให้แก้ปัญหาข้างต้นให้ได้ โดยระยะสั้นการประเมินความพอใจของประชาชนให้หน่วยงานทำ ส่วน ป.ป.ช. ประเมินในส่วนที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนในระยะยาวต้องศึกษาสาเหตุของการทุจริต แล้ววิเคราะห์แล้วหามาตรการแก้ไข แล้วนำมาตรการเหล่านั้นมาเป็นตัวชี้วัดของ ITA ให้ ITA เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
"อยากจะเห็น ITA เป็นเครื่องมือที่ผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลง เราอยากเห็นอะไรก็ใส่เข้าไปใน ITA" รองศาสตราจารย์ ดร.สิริลักษณา กล่าว
นางวาธินี สุริยวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่าหน่วยงานรัฐที่ได้คะแนน ITA สูงแต่ยังมีการทุจริตนั้น มีจุดที่ต้องระวังว่าการร้องเรียนเรื่องทุจริตเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปีไหน เพราะบางครั้งเป็นเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วแต่เพิ่งจะมาร้องเรียน แต่ ITA ใช้การประเมินแบบปีต่อปี ITA จึงไม่รู้ว่าจะวางเกณฑ์ในการประเมินอย่างไร จึงยังเป็นเรื่องที่ต้องหาแนวทางในการประเมินต่อไป

@ ศรชัย ชูวิเชียร
นายศรชัย ชูวิเชียร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การอภิปรายในวันนี้คงนำไปต่อยอดใน ITA ได้มาก เห็นว่าการตั้งประเด็นคำถามต่าง ๆ ของ ITA ต้องมีความสอดคล้องกัน วันนี้ที่มีการพูดถึงเรื่องความไม่เข้าใจใน ITA แล้วต้องมีการอบรม ตนเองคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมากและจำเป็น และยังเป็นสิ่งที่ต้องถ่ายทอดออกไปให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบ อีกทั้งการพัฒนา ITA ต้องนำเทคโนโลยี เช่น AI มาช่วยดำเนินการเพราะ AI มีความเที่ยงตรง
เหล่านี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจในการอภิปราย ซึ่งผู้อภิปรายส่วนใหญ่ล้วนเห็นตรงกันว่าต้องปรับปรุงเครื่องมือและตัวชี้วัดของ ITA รวมถึงต้องนำเทคโนโลยี เช่น AI เป็นต้น เข้ามาใช้ในการตรวจสอบ เพื่อให้มีความเที่ยงตรงปราศจากอคติ
ส่วนผลการปรับปรุง ITA จะเป็นอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป
หมายเหตุ: ภาพประกอบปกข่าวและประกอบรายงานจาก The Reporters

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา