ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอีกงานหนึ่งที่คลับส่วนตัวในกรุงเทพฯ นายเมาเออร์เบอร์เกอร์นั่งข้างทักษิณ ขณะที่เขากำลังซักถามนายธนาคารต่างชาติเกี่ยวกับวิธีปฏิรูปภาคธนาคารของไทย ในช่วงปลายปี 2567 ความใกล้ชิดเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อนายเมาเออร์เบอร์เกอร์มอบเรือ “Wanderlust” ให้กับนายทักษิณในการพบปะกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
กรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ ‘เบน สมิธ’ ซึ่งถูกระบุชื่อในบทความของ นายทอม ไรต์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) และหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่เปิดโปงการทุจริต เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ “1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" (1MDB) ที่เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ Whalehunting.projectbrazen.com
โดยพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ 5 ประการที่สำคัญด้วยกัน ได้แก่
1.นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ถูกกล่าวอ้างว่า เป็นนายหน้าขายเครื่องบินส่วนตัวให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในประเทศไทย และนายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C. ของกัมพูชา ซึ่งพันธมิตรของ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกทั้งยังมีกระแสข่าวว่า นายเบนจามิน เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจคนสำคัญให้กับนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลในประเทศไทย คือ นายทักษิณ ชินวัตร โดยนายเบนจามิน จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ และการตัดสินใจในหลายเรื่องต้องผ่านความเห็นของ นายเบนจามิน อีกด้วย
2. ในช่วงปลายปี 2567-ต้นปี 2568 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ถือสัญชาติกัมพูชา ตามเอกสารหนังสือเดินทางกัมพูชา เลขที่ AAoooXXXX ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ได้ยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ในช่วงวันที่ 22-27 ต.ค.2567 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และภรรยา คือ นางสาวแคทรียา บีเวอร์ ถูกระบุชื่อเป็นประธานเจ้าภาพงานทอดกฐินสามัคคี วัดดงช้างดี ต.หาดกรวด อ.เมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ โดยในงานทอดกฐินสามัคคีของวัดดงช้างดีนั้น ปรากฏชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานพรรคกล้าธรรม เป็น ‘ประธานอุปถัมภ์’
3. ในช่วงเดือน พ.ค. 2567 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ พร้อมกับ นายยิม เลียก ประธานกรรมการธนาคาร B.I.C ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่จัดตั้งและจดทะเบียนกับธนาคารแห่งชาติกัมพูชา มีบุคคลสำคัญในประเทศไทย เข้าไปร่วมนั่งเป็นบอร์ดบริหาร
4.ในช่วงปี 2547 สื่อของประเทศอังกฤษได้รายงานข่าวกรณีหลอกขายหุ้นระดับโลกของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งรายงานข่าวชิ้นดังกล่าว มีการระบุข้อมูลเชื่อมโยงไปถึง นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ รวมไปถึงข้อมูลบริษัท Brinton Group ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ชื่อดังในกรุงเทพฯ ช่วงปี 2544 ก่อนที่นายเบนจามิน จะเข้าไปมีบทบาทในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2557 และเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยและยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา ในช่วงต้นปี 2567 แต่ไม่ได้รับอนุญาต
และ5. นางสาวแคทรียา ภรรยา นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 2 แห่ง ประกอบด้วย 1.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 10 ของ BCP จำนวน16,843,300 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.22% มีมูลค่าหุ้นล่าสุด (30 ส.ค.2568) 543.19 ล้านบาท และ2. ถือบริษัท กรีนเทค เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ GTV จำนวน 535,936,733 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.88% มีมูลค่าหุ้นล่าสุด (30 ส.ค.2568) 42.87 ล้านบาท

ล่าสุดเว็บไซต์ Whalehunting.projectbrazen.com ได้มีการนำเสนอข่าวความเชื่อมโยงของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ขบวนการฟอกเงินจากจีนซึ่งเกิดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา นายทักษิณ การซื้อหุ้นบางจาก และบุคคลระดับสูงในกัมพูชา ในรายงานหัวข้อการเปิดโปงความมั่งคั่งนับหมื่นล้านของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ กับข้อมูลตระกูลชินวัตร
สำนักข่าวอิศรา ได้นำเอารายงานข่าวดังกล่าวมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
ก่อนวันคริสต์มาสปี 2567 เพียงไม่นาน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ได้ขึ้นเรือยอชต์สุดหรูขนาด 85 เมตร ชื่อ “แวนเดอร์ลัสต์” (Wanderlust) ที่ภูเก็ต ระหว่างเดินทางไปร่วมการประชุมกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งนี่ถือเป็นการกลับมามีอิทธิพลระดับโลกอีกครั้งหลังจากนายทักษิณลี้ภัยมานานกว่าทศวรรษ
การประชุมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ไม่ได้รับการเปิดเผยคือเจ้าของเรือยอชต์ลำนี้ ซึ่งเป็นบริษัทที่บริหารโดยเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ อาชญากรชาวแอฟริกาใต้ ซึ่งเพิ่งกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของทักษิณ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเผยให้เห็นว่าอำนาจและเงินตราทำงานอย่างไร
นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ซึ่งใช้นามแฝงมากมายเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการบังคับใช้กฎหมายระดับโลก กลายเป็นบุคคลสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับนายทักษิณในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาเข้าร่วมการประชุมกับนายวิลเลียม เจ. ฮอร์นบัคเคิล ประธานผู้บริหารบริษัทหรือซีอีโอของบริษัท MGM Resorts International เพื่อเป็นตัวแทนของผู้นำไทย เพื่อหารือเรื่องการทำให้การพนันถูกกฎหมายในประเทศไทย เขาเข้าร่วมกับนายธนาคารต่างชาติ กระซิบข้างหูทักษิณระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำในคลับส่วนตัว
เขายังมักถูกพบเห็นระหว่างการพูดคุยกับนายทักษิณที่ร้านอาหารไทยชื่อดังในย่านสำนักงานกลางกรุงเทพฯ ในการพบกันครั้งหนึ่ง ทั้งคู่ได้หารือกันถึงรายละเอียดว่าเมาเออร์เบอร์เกอร์จะจัดหาเครื่องบินบอมบาร์ดิเอร์ โกลบอล จี7500 (Bombardier Global G7500) มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,900,170,126 บาท) ให้กับนายทักษิณได้อย่างไร

นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ กับนายทักษิณ ชินวัตร
นายเมาเออร์เบอร์เกอร์เป็นหนึ่งในบุคคลลึกลับ เขาเป็นทั้งนักแก้ปัญหาผู้มีอำนาจมหาศาลและทำงานจากเงามืด แต่ทำไมนายทักษิณ ถึงต้องพึ่งพาบุคคลที่มีอดีตอันมืดมนเช่นนี้ เราได้สืบสวนข้อมูลเกี่ยวกับนายเมาเออร์เบอร์เกอร์และความสัมพันธ์ลับๆ ของเขากับทักษิณ หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดระดับโลกจนถึงปัจจุบัน เราได้พูดคุยกับแหล่งข่าวหลายสิบคนที่รู้จักเขาหรือทำธุรกิจกับเขา และได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียด ทั้งข้อมูลเอกสารทางการเงิน เอกสารของบริษัท และเอกสารต่างประเทศในเขตอำนาจศาลหลายแห่งหลายร้อยหน้า
Brazen รายงานต่อไปว่าชาวต่างชาติในกรุงเทพฯ ที่นายเมาเออร์เบอร์เกอร์อาศัยอยู่ด้วย รู้จักเมาเออร์เบอร์เกอร์เมื่อสิบปีก่อนในฐานะพ่อของลูกวัยรุ่นสองคนที่เรียนโรงเรียนนานาชาติ เขาแต่งงานกับอดีตนางแบบลูกครึ่งอังกฤษ-ไทย ซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของเขา อดีตเพื่อนนายเมาเออร์เบอร์เกอร์คนหนึ่งเล่าว่าเขาเป็นคนอัธยาศัยดีและบอกคนอื่นว่าเขาทำงานด้านการเงิน
แต่ก็มีประเด็นคำถามที่ว่าทำไมเด็กๆ ถึงเรียกเขาว่านายเมาเออร์เบอร์เกอร์ แต่เขากลับถูกเรียกว่า เบน เบอร์เกอร์ หรือ “เบน สมิธ” ตลอด ทำไมเขาถึงพกโทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งหลายเครื่อง? วิถีชีวิตของ นายเมาเออร์เบอร์เกอร์เริ่มเปลี่ยนไป จากรถเฟอร์รารี เขาเปลี่ยนมาใช้"แม็คลาเรน" (McLaren) สีส้ม ซึ่งเป็นรถที่ดึงดูดทุกสายตาผู้คนบนท้องถนนในกรุงเทพฯ เขาซื้ออพาร์ตเมนต์ที่โรงแรม St Regis ในกรุงเทพฯ และพยายามทำความรู้จักกับผู้อยู่อาศัยที่ร่ำรวยคนอื่นๆ และเรือยอทช์ขนาด 30 ฟุตที่ภูเก็ตของเขาซึ่งดูเหมือนว่าจะมีขนาดเล็กไป นายเมาเออร์เบอร์เกอร์จึงเปลี่ยนมาใช้เรือยอชต์ชื่อ "Wanderlust" ซึ่งมีมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3,168,000,000 บาท) ขนาด 120 ฟุต
สิ่งที่คนรู้จักของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ไม่รู้ก็คือ นายเมาเออร์เบอร์เกอร์แม้จะมีของสะสมมากมาย แต่เขาก็แทบจะไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศไทย กัมพูชา และนครดูไบ สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์เลย แม้จะมีเรือยอชต์ เขาก็ไม่สามารถไปบาหลีหรือออสเตรเลียได้เหมือนครอบครัวชาวต่างชาติอื่นๆ แม้แต่แอฟริกาใต้บ้านเกิดของเขา เขาก็ยังเดินทางกลับไม่ได้ง่ายๆ สิ่งที่พวกเขาเห็นคือนักเดินทางรอบโลกผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง
นายเมาเออร์เบอร์เกอร์เริ่มอวดอ้างกับหุ้นส่วนทางธุรกิจในกรุงเทพฯ ว่าเขามีทรัพย์สินมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (126,714,004,800 บาท) ในดูไบ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันการฟอกเงินของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำกรุงเทพฯ ที่เริ่มจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด มองว่านายเมาเออร์เบอร์เกอร์พูดเกินจริง
บุคคลที่ทราบเรื่องการสืบสวนกล่าวว่า ตัวเลขความมั่งคั่งที่แท้จริงน่าจะใกล้เคียง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (47,511,000,000 บาท) ตามที่พวกเขาประเมินไว้
ครอบครัวเมาเออร์เบอร์เกอร์เริ่มมั่นใจเกินเหตุ ภรรยาของเขาซื้ออพาร์ตเมนต์หรูมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (633,480,000 บาท) ตั้งอยู่บนถนน “Billionaire's Row” บนเกาะแมนฮัตตันจากนายวลาดิสลาฟ โดโรนิน เจ้าของบริษัท Aman Group ตามที่บันทึกทรัพย์สินระบุ ซึ่งการซื้อดังกล่าว อาจเป็นเพราะนายเมาเออร์เบอร์เกอร์หวังว่าเขาจะได้เดินทางไปที่นั่นด้วยตัวตนใหม่ แต่ความฟุ่มเฟือยของพวกเขาทำให้ครอบครัวเมาเออร์เบอร์เกอร์ตกเป็นเป้าสายตาของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสหรัฐฯ

เส้นโยงใยระหว่างนายเมาเออร์เบอร์เกอร์และนายทักษิณ
@เริ่มต้นจากอาชญากรหม้อต้มน้ำ (Boiler Room)
นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ เติบโตในครอบครัวชาวยิวที่ร่ำรวยที่เมืองเคปทาวน์ ทางตอนใต้สุดของแอฟริกาใต้ บิดาของเขาเดินทางมาจากลิทัวเนียในปี ค.ศ.1905 และประสบความสำเร็จอย่างสูงในธุรกิจค้าปลีกและสิ่งทอ
หมายเหตุ:ชื่อ Boiler Rooms มักถูกใช้กับบริษัทที่ใช้บริการพื้นที่เช่าสำนักงานชั่วคราว โดยเน้นชักชวนการลงทุน โทรไปชักชวนลูกค้า ไปจนถึงบริษัทที่เป็นสแกมเมอร์ เน้นการหลอกลวงให้โอนเงินด้วยกลวิธีต่างๆ

เมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้
ญาติคนหนึ่งได้เป็นนายกเทศมนตรีของเมืองในช่วงทศวรรษ ค.ศ. 1970 นายเมาเออร์เบอร์เกอร์เรียนคณิตศาสตร์ ภาษา และวิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดับมัธยมปลาย เขาเป็นคนฉลาดแต่ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่กลับเลือกมาอยู่ที่กรุงเทพฯในช่วงเวลาหลังวิกฤตการณ์ทางการเงินเอเชียปี 2541 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจไทย
ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเวลานั้นกรุงเทพฯซึ่งออกระเบียบเพื่อผ่อนปรนทางการเงิน จึงกลายเป็นแหล่งดึงดูดนักต้มตุ๋นจากทั่วโลก
นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 20 ต้นๆ เท่านั้น แต่เก่งเรื่องการโทรหาลูกค้าแบบไม่ทันตั้งตัว เขาไม่ได้ทำงานเป็นแค่พนักงานชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังสร้างธุรกิจ Boiler Room ของตัวเองด้วย ตามข้อมูลของหน่วยงานกำกับดูแลในสหราชอาณาจักรและนิวซีแลนด์ เมื่อตำรวจไทยบุกค้นสำนักงานสองแห่งในเดือนกรกฎาคม 2544 และจับกุมผู้ต้องหาได้ 84 คน แต่นายเมาเออร์เบอร์เกอร์หนีรอดจากการจับกุมไปได้ ขณะที่ "นักการตลาดทางโทรศัพท์" จำนวนมากถูกส่งตัวข้ามแดนเพื่อไปรับโทษที่ประเทศบ้านเกิด
แน่นอนว่าไม่มีข้อมูลเหล่านี้ปรากฏอยู่ในโปรไฟล์ LinkedIn ของ "Ben Mauerberger" ซึ่งเริ่มต้นในปี ค.ศ. 2005 ด้วยการอ้างว่าเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในลอนดอนชื่อ Old Park Lane Capital นายไมเคิล พาร์นส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง นายพาร์นส์กล่าวว่า นายเมาเออร์เบอร์เกอร พยายามทำข้อตกลงกับบริษัทของเขา แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
ไม่นานนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ก็กลับมากรุงเทพฯ ในปี ค.ศ.2003 หลังจากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด
โดยศาลแขวงโอ๊คแลนด์ ในข้อหาว่าไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกในคดีฉ้อโกงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนักลงทุนนิวซีแลนด์ ส่งผลทำให้เขาถูกปรับเงินเป็นมูลค่า 3 หมื่นดอลลาร์นิวซีแลนด์ ณ เวลานั้นอย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคอยตามล่าตัวเขาอย่างจริงจัง
ดังนั้นในปี ค.ศ. 2004 เขาจึงได้ติดต่อพี่ชายของเขา อดัม เมาเออร์เบอร์เกอรฺ ซึ่งต่อมาได้เป็นกรรมการของบริษัทไวน์แห่งหนึ่งในฟลอริดาที่ประกาศขายหุ้นให้กับสาธารณชน
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องหลอกลวง โดยมีนายเมาเออร์เบอร์เกอร์คอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง พี่น้องทั้งสองจึงซื้อหุ้นในราคาถูก โดยใช้โครงสร้างจากหมู่เกาะเคย์แมน ก่อนจะขายต่อในราคาที่สูงขึ้น
ในที่สุดหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักรก็ได้สั่งปิดบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในลอนดอนที่เชื่อมโยงกับนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ซึ่งได้ขายหุ้นออกไป
Brazen รายงานต่อว่าแต่ตัวนายเมาเออร์เบอร์เกอร์เองซึ่งตอนนี้เชี่ยวชาญด้านการใช้โครงสร้างบริษัทนอกชายฝั่งเพื่อเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมหาศาล กลับหายไปไหนไม่รู้
ในช่วงเวลานี้เองที่ครอบครัวนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ในเมืองเคปทาวน์ดูเหมือนจะตัดขาดกับเบนจามินและอดัมแล้ว
มีคนรู้จักเขาบอกว่าเขาหาเงินได้พอสมควรจนถือว่าร่ำรวยปานกลาง แต่การฉ้อโกงหุ้นเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้กลับทยอยปิดฉากลงไปเรื่อยๆ เพื่อให้เข้าถึงแวดวงมหาเศรษฐี นายเมาเออร์เบอร์เกอร์จึงจำเป็นต้องมีแผนการที่แตกต่างออกไป
@เชื่อมโยงทักษิณ
กลับมาที่นายทักษิณ ชินวัตร หลังจากถูกรัฐประหารไปในปี 2549 เขาก็เป็นที่รู้จักในระดับโลกอีกครั้ง ด้วยการรซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ในปี 2550 ด้วยมูลค่าประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อมาในปีถัดมา เขาขายสโมสรไปอย่างรวดเร็วด้วยมูลค่า 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำกำไรได้กว่า 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ข้อตกลงซื้อขายสโมสารฟุตบอลครั้งสำคัญนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ด้านการประชาสัมพันธ์ ทำให้เขาสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์จากอดีตนายกรัฐมนตรีผู้เต็มไปด้วยข้อครหาให้กลายเป็นนักธุรกิจระดับโลก
หลังจากการขายกิจการสโมสรฟุตบอล นายทักษิณได้เปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับธุรกิจใหม่ของเขาในการทำเหมืองในแอฟริกา ในการสัมภาษณ์ เขาระบุอย่างชัดเจนว่าเขา "อยู่ในแอฟริกาเพื่อทำเหมืองเพชร" และรายงานอื่นๆ เชื่อมโยงเขากับโครงการทองคำ แพลทินัม และถ่านหินในประเทศต่างๆ เช่น ยูกันดา ซิมบับเว และแทนซาเนีย ข้อตกลงเหล่านี้ รวมถึงการลงทุนอื่นๆ ที่ไม่เปิดเผยในภูมิภาคอื่นๆ เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าได้เพิ่มพูนความมั่งคั่งให้กับครอบครัวของเขา
เส้นทางของนายทักษิณในฐานะผู้เจรจาระดับโลกในที่สุดก็ได้พบกับบ้านใหม่ที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองมากขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา นายทักษิณและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชามีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและยาวนาน
โดยนายฮุนเซนเคยเสนอที่พักพิงให้นายทักษิณระหว่างลี้ภัย และยังแต่งตั้งให้ทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจในปี 2552 ความใกล้ชิดเช่นนี้เป็นแรงผลักดันให้เกิดข่าวลือเกี่ยวกับการเจรจาธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นของทักษิณในประเทศมานานแล้วขณะที่นายทักษิณกำลังหันมาสนใจกัมพูชา นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ก็หันมาสนใจกัมพูชาเช่นกัน
@ศูนย์กลางอาชญากรรมของกัมพูชา
ที่กัมพูชา ไม่มีอะไรจะเชื่อมโยงถึงกันได้มากไปกว่า นายยิม เลียก บิดาของเขาเป็นรองนายกรัฐมนตรี และน้องสาวของเขาแต่งงานกับลูกชายของนายฮุน เซน แต่เช่นเดียวกับชาวกัมพูชาผู้มั่งคั่งหลายคน เขาเบื่อหน่ายเมืองหลวง กรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นเมืองที่ "ห่างไกล" และย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองระดับโลกที่เชื่อมโยงถึงกันมากกว่า นายยิม เลียก ชายหนุ่มวัย 30 กว่าปี ในตอนนั้น ได้แต่งงานกับทายาทเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทย และพวกเขามีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน หลังจากนั้นไม่นาน เขาได้พบกับนายเมาเออร์เบอร์เกอร์

นายยิม เลียก และนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์
ในช่วงเวลานี้ นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ได้แต่งงานใหม่กับ น.ส.แคทรียา บีเวอร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อคิตตี้ อดีตนางแบบ ส่วนพ่อของเธอซึ่งมาจากครอบครัวขุนนางอังกฤษชั้นรอง ได้ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และแต่งงานกับหญิงไทย

น.ส.แคทรียา บีเวอร์ ภรรยาคนปัจจุบันของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์
กัมพูชาเป็นสนามที่นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ต้องการเพื่อก้าวขึ้นสู่ลีกใหญ่ ประเทศนี้เป็นที่รู้จักจากนครวัด และกลายเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมข้ามชาติที่ถูกจัดตั้งขึ้น อุตสาหกรรม "โรงงานฉ้อโกงหลอกลวง" ที่กำลังเฟื่องฟู ซึ่งบริหารโดยขบวนการค้ามนุษย์ชาวจีนและพึ่งพาการค้ามนุษย์ เป็นแหล่งเงินสกปรกจากการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมอื่นๆ ปฏิบัติการเหล่านี้มักได้รับการคุ้มครองโดยชนชั้นนำทางการเมืองและใช้คาสิโนเป็นฉากบังหน้า ซึ่งสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติได้บันทึกไว้อย่างกว้างขวาง
เส้นทางเข้าประเทศกัมพูชาของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์คือผ่านนายยิม เลียกซึ่งมีเส้นสายแต่แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการฟอกเงินทั่วโลก นายเมาเออร์เบอร์เกอร์จะกลายเป็นอาจารย์สอนวิชามืดเหล่านี้ให้กับเขา ราวปี 2553 ทั้งคู่เริ่มได้รับข้อเสนอซื้อที่ดินในกัมพูชา ตามข้อมูลที่สำนักข่าวได้มาจากอดีตหุ้นส่วนทางธุรกิจของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์
ที่ดินผืนนี้ถูกใช้ในหลายกรณีเพื่อพัฒนาคาสิโน ซึ่งเป็นสถานที่ฟอกเงินจีนที่สกปรก นายเมาเออร์เบอร์เกอร์บอกกับหุ้นส่วนของเขาว่าเขาและยิม เลียกจะหักส่วนแบ่ง 20% จากเงินที่ผ่านเข้ามา ธุรกิจประสบความสำเร็จมากพอจนนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ได้รับหนังสือเดินทางทูตกัมพูชา ทำให้เขาสามารถเดินทางไปยังดูไบได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น ในปี 2557 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของวุฒิสภากัมพูชา ตามประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วยเสริมสร้างสถานะของเขาในประเทศให้มั่นคงยิ่งขึ้น
นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ยังคงดำเนินกิจการของเขาต่อไปได้ดี แต่เขาไม่อาจทิ้งอดีตเอาไว้เบื้องหลังได้ ในปี 2562 หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของไทยได้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อบุคคลชื่อ “เบนจามิน เบอร์เกอร์” ในข้อหาเสนอขายหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาต (บุคคลที่รู้จักนายเมาเออร์เบอร์เกอร์กล่าวว่าในช่วงปี 2562 นี่คือชื่อที่เขาใช้)

งานประชุมสัมนาที่นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ มีส่วนในการจัด
นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ได้จัดการประชุมนักลงทุนที่โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน ในกรุงเทพฯ ซึ่งเขาขายหุ้นของบริษัทที่เขาอ้างว่าเป็นบริษัทเรียกรถโดยสารแห่งใหม่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของปลอม ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น
ต่อมาปี 2561 ธุรกิจของเขาก้าวกระโดดไปอีกขั้นเมื่อ นายยิม เลียก ก่อตั้ง BIC Bank ซึ่งเป็นธนาคารสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อธุรกิจ ในสายตาคนภายนอก ดูเหมือนเป็นเรื่องจริง ไม่มีการกล่าวถึงนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ในเอกสารหรือเว็บไซต์ของบริษัทเลย
ในความเป็นจริงแล้วนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ เป็นหุ้นส่วนเงียบของนายยิม เลียกและธุรกิจฟอกเงินซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ BIC Bank กำลังจะเริ่มเข้าสู่ยุคทอง ด้วยเส้นสายทางการเมือง บริษัท U. Property Management เป็นบริษัทที่มีนายยิม เลียก และนายเมาเออร์เบอร์เกอร์(ภายใต้นามแฝง เบน สมิท) เป็นกรรมการบริษัท สามารถคว้าที่ดินผืนใหญ่บนเกาะต่างๆ นอกชายฝั่งกัมพูชาได้สำเร็จ นายเมาเออร์เบอร์เกอร์บอกกับอดีตหุ้นส่วนของเขาว่า พวกเขาขายที่ดินผืนนี้ให้กับนักลงทุนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ร่ำรวยเป็นมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (12,688,398,920 บาท)
โดยปรากฎภาพตามหน้าสื่อกัมพูชาว่านายยิม เลียกเดินทางไปยังเกาะแห่งหนึ่งเพื่อหารือเกี่ยวกับการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวประมงที่ยากจน

นายยิม เลียก เดินทางไปเยี่ยมเกาะที่กัมพูชา
ในเวลานี้นายเมาเออร์เบอร์เกอร์บอกกับอดีตหุ้นส่วนของเขาว่าธุรกิจฟอกเงินของจีนมีมูลค่าระหว่าง 800 ล้านถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (25,376,797,840 บาท-31,721,000,000 บาท)ต่อปี ด้วยส่วนแบ่ง 20% ของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ทั้งคู่จึงสร้างรายได้มหาศาล
ช่วงเวลานี้เองที่เพื่อนๆ ของเมาเออร์เบอร์เกอร์ในกรุงเทพฯ เริ่มสังเกตเห็นความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของเขา เขาซื้ออพาร์ตเมนต์ที่โรงแรมเซนต์รีจิสในกรุงเทพฯ เขาซื้อรถแม็คลาเรนสีส้มและบ้านพักตากอากาศริมชายหาดที่ภูเก็ต ติดกับอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของยิม เลียก เขาซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวกัลฟ์สตรีม จี550
นอกจากกลุ่มเพื่อนของเขาแล้ว นายเมาเออร์เบอร์เกอร์มักไม่ค่อยเปิดเผยตัวตน เขามีตัวตนในโลกออนไลน์น้อยมาก ถึงขั้นลบรูปภรรยา ซึ่งเขาใช้ชื่อเพื่อใช้โอนเงินออกจากอินเทอร์เน็ต
เขาได้รับการคุ้มครองจากตำรวจยศพลตำรวจเอกของไทย ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการของ BIC Group ด้วย แต่นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ไม่สามารถขอหนังสือเดินทางไทยได้ เขาเริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้า คอยเช็คโทรศัพท์หลายเครื่องตลอดเวลา และมีอาการกระตุกเกร็งตามคำบอกเล่าของผู้ที่รู้จักเขา

บอร์ดบริหารธนาคาร BIC ที่เพิ่งจะเอาที่รูปที่ปรึกษาคนไทยออกเมื่อสัปดาห์นี้
ความกังวลที่ว่านี้ มีเหตุมาจากการที่นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ตกเป็นเป้าสายตาของเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามกระแสเงินทุนผิดกฎหมายในภูมิภาค สำหรับสหรัฐอเมริกา ศูนย์หลอกลวงที่มุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่คนเดียวและยาเสพติดที่ลักลอบค้าผ่านกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาประเภทเฟนทานิล ถือเป็นภัยคุกคามของชาติ สัปดาห์นี้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรศูนย์หลอกลวงเหล่านี้
สหรัฐอเมริกาได้เฝ้าดูจีนเพิ่มอิทธิพลในกัมพูชา ทำให้กัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับความทะเยอทะยานทางการเงินและภูมิรัฐศาสตร์ของตนเอง ความมั่งคั่งของเมาเออร์เบอร์เกอร์นั้นยากที่จะอธิบาย แต่ความสัมพันธ์ของเขากับกัมพูชานั้นชัดเจน
สหรัฐฯเริ่มติดตามทรัพย์สินและจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขา ด้วยความกังวลว่าไทยจะมีชะตากรรมเดียวกับที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ซึ่งก็คือการตกไปอยู่ในวงโคจรของจีน นี่อาจเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงสำหรับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่เป็นไปในทางบวกต่อนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ นั่นคือ เขาไม่เคยเดินทางไปยังเขตอำนาจศาลใดๆ ที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอเมริกา
ในทางกลับกัน นายยิม เลียก ดูไม่กังวลอะไร เขาเคยโพสต์รูปลงอินสตาแกรม (ปัจจุบันลบไปแล้ว) เพื่อเล่าเรื่องราวชีวิตใหม่ของเขา และยังประกาศความร่วมมือกับบริษัทเพื่อขายเรือยอทช์เหล่านี้ให้กับลูกค้าชาวจีนผู้มั่งคั่งอีกด้วย

นายยิม เลียก พร้อมกับนาฬิกาข้อมือราคาแพง
ต่อมาในช่วงปลายปี 2566 ทักษิณก็กลับมายังประเทศไทยหลังจากลี้ภัยอยู่ต่างประเทศเป็นเวลา 15 ปี
@ความเชื่อมโยงระหว่างอำนาจและอาชญากรรม
ในบทความคราวที่แล้วของ Whale Hunting ได้มีการประเมินทรัพย์สินสุทธิของนายทักษิณว่าอยู่ที่ 2.5-3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (79,327,500,000-111,058,500,000 บาท)
นายทักษิณ คาดว่าน่าจะรู้ว่าการเข้าถึงอำนาจของเขาจะสั้นและต้องไม่เสียเวลาเปล่า ในจุดนี้ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์จะมีบทบาทสำคัญ
เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย นายทักษิณให้ความสำคัญกับการทำให้การพนันถูกกฎหมายในประเทศไทยเป็นอันดับแรก เหตุผลที่เขากล่าวรวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและการยุติการพนันผิดกฎหมาย ซึ่งแพร่หลายอย่างกว้างขวาง การเปิดตัวนโยบายครั้งใหม่นี้ นายวิลเลียม เจ. ฮอร์นบัคเคิล ซีอีโอของ MGM Resorts International ได้เดินทางมายังกรุงเทพฯด้วย เพื่อสำรวจธุรกิจต่างๆ ในตลาดไทย

MGM Resorts
ในการประชุมครั้งหนึ่ง บุคคลที่เข้าร่วมเล่าว่า นายฮอร์นบัคเคิลรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่านายเมาเออร์เบอร์เกอร์เริ่มสนิทสนมกับนายทักษิณเมื่อใด แต่ในการประชุมครั้งนี้ เขาเป็นที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้ในแผนคาสิโนอย่างชัดเจน นายเมาเออร์เบอร์เกอร์กระซิบข้างหูเขา ผู้เข้าร่วมประชุมต่างซุบซิบกันว่านายเมาเออร์เบอร์เกอร์กำลังช่วยให้นายทักษิณเข้าใจว่ากัมพูชาใช้คาสิโนเพื่อเคลื่อนย้ายเงินอย่างไร บุคคลดังกล่าวกล่าว
ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอีกงานหนึ่งที่คลับส่วนตัวในกรุงเทพฯ นายเมาเออร์เบอร์เกอร์นั่งข้างทักษิณ ขณะที่เขากำลังซักถามนายธนาคารต่างชาติเกี่ยวกับวิธีปฏิรูปภาคธนาคารของไทย ในช่วงปลายปี 2567 ความใกล้ชิดเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อนายเมาเออร์เบอร์เกอร์มอบเรือ “Wanderlust” ให้กับนายทักษิณในการพบปะกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
จากนั้นในเดือนเมษายนปีนี้ นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ได้ซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว Bombardier Global G7500 มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในนามของนายทักษิณ ซึ่งปัจจุบันเขาใช้เครื่องบินลำนี้อยู่
เหตุใดนายทักษิณจึงต้องพึ่งพาอาชญากรให้มาช่วยจัดการเรื่องนี้? เป็นไปได้ว่าเครื่องบินลำใหม่และทรัพย์สินขนาดใหญ่อื่นๆ ของเขาถูกซื้อผ่านแหล่งเงินทุนที่เชื่อมโยงกับกัมพูชา ซึ่งเป็นกลยุทธ์เพื่อปกปิดชื่อของเขาและปกปิดทรัพย์สมบัติของเขาอย่างแท้จริง
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เครือข่ายบริษัทลึกลับในประเทศไทยและสิงคโปร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ และนายยิม เลียก ก็เริ่มทำการซื้อหุ้นจำนวนมหาศาลในตลาดหลักทรัพย์ของไทย
ศูนย์กลางของเครือข่ายนี้คือบริษัทผู้จัดการกองทุนชาวสิงคโปร์ชื่อบริษัท Capital Asia Investments หรือ CAI อดีตพนักงานคนหนึ่งกล่าวว่าการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ CAI ดำเนินการโดยนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ แม้ว่าชื่อของเขาจะไม่ปรากฏในเอกสารใดๆ ก็ตาม และวัตถุประสงค์ของการจัดการนี้คือการทำให้กระแสเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยดูน่าเชื่อถือ พนักงานของ CAI ซึ่งทำงานที่สำนักงานของ BIC ในกรุงเทพฯ กล่าว
บันทึกหุ้นแสดงให้เห็นว่ากองทุนที่บริหารโดย CAI ซึ่งเพิ่งก่อตั้งในปี 2560 ได้เข้าซื้อหุ้น 14% ในบริษัทบางจาก ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่อันดับสองของประเทศไทย จากนั้นในเดือนมีนาคม บริษัทได้ขายหุ้นดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับบริษัทลึกลับของไทยชื่ออัลฟา ชาร์เตอร์ด ซึ่งเพิ่งก่อตั้งขึ้นในปีนี้

โรงกลั่นน้ำมันบางจาก
เอกสารดังกล่าวเชื่อมโยงโดยตรงกับ น.ส.แคทรียา บีเวอร์ ภรรยาของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทแม่ของอัลฟา ชาร์เตอร์ด ใช้ที่อยู่สำนักงานในกรุงเทพฯ แห่งเดียวกันกับบริษัทอีกแห่งหนึ่งที่น.ส.แคทรียา บีเวอร์ เคยใช้เมื่อปีที่แล้วเพื่อซื้อเพนต์เฮาส์มูลค่า 20.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการอามัน นิวยอร์ก เรสซิเดนเซส สำนักงานเดียวกันนี้ยังถูกใช้ร่วมกันระหว่างพนักงานของ BIC และ CAI อีกด้วย
ปัจจุบันอัลฟา ชาร์เตอร์ด ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทบางจากถึง 20% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยถือหุ้นรวมกัน 35% ผ่านกองทุนรวมและสำนักงานประกันสังคม ทำให้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดรายเดียว ส่งผลให้เครือข่ายที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมและได้รับการสนับสนุนจากกัมพูชา มีความสัมพันธ์โดยตรงและเต็มไปด้วยข้อโต้แย้งกับรัฐบาลไทย
การเข้าซื้อหุ้นบางจากอย่างลับๆ เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลไทย ซึ่งนำโดยลูกสาวของนายทักษิณ ได้รื้อฟื้นการเจรจากับกัมพูชาเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งในพื้นที่อ่าวไทยที่เป็นข้อพิพาทมายาวนาน หากเปิดให้มีการพัฒนาอีกครั้ง ผู้ถือหุ้นของบางจากก็น่าจะได้กำไรมหาศาล เนื่องจากบริษัทได้เพิ่มกิจกรรมการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต้นน้ำ

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี มหาเศรษฐีซึ่งเป็นอดีตเพื่อนที่กลายเป็นศัตรูของนายทักษิณและนายเมาเออร์เบอร์เกอร์
แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของทักษิณในการรื้อฟื้นการเจรจาเรื่องพลังงานกับกัมพูชาได้หยั่งรากลึกถึงสิ่งที่อาจเป็นจุดจบของเขา ความคืบหน้าดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกให้กับนายนายสารัชถ์ รัตนาวะดี มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ซึ่งเป็นคนสนิทของทักษิณมาหลายปี บุคคลที่ทราบถึงความสัมพันธ์นี้กล่าวว่านายสารัชทำกำไรจากการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สำหรับโรงไฟฟ้าของกัลฟ์ และเขากังวลว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไป นายสารัชถ์เริ่มรู้สึกโกรธแค้นที่นายเมาเออร์เบอร์เกอร์มีอิทธิพลเหนือนายทักษิณในด้านอื่นๆ ที่เขาปรารถนา เช่น คาสิโนและสินทรัพย์ดิจิทัล โดยคาดว่าความสัมพันธ์ที่แตกร้าวที่ว่ามานี้จะนำมาซึ่งหายนะสำหรับนายทักษิณ
@ฉากสุดท้าย

นายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม กองทัพกัมพูชาและไทยได้ปะทะกันด้วยอาวุธหยักใกล้พื้นที่พิพาทชายแดน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 40 คน เพื่อลดความตึงเครียด นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายฮุน เซน ในการสนทนาทางโทรศัพท์ซึ่งต่อมารั่วไหลออกมา เธอดูเหมือนจะวิพากษ์วิจารณ์กองทัพไทย ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดความโกรธแค้นของกลุ่มชาตินิยม และจุดชนวนวิกฤตทางการเมือง ซึ่งนำไปสู่การปลดเธอออกจากตำแหน่งโดยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนที่แล้ว
การปลด น.ส.แพทองธาร ออกจากอำนาจทำให้นายทักษิณตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายในประเทศไทย คำถามตอนนี้คือ ใครเป็นคนปล่อยข่าวการสนทนาทางโทรศัพท์? นายฮุน เซนยอมรับว่าได้บันทึกเสียงการสนทนาและแชร์ในกลุ่ม WhatsApp ที่มีเจ้าหน้าที่ 80 คน ดูเหมือนว่าอาจมีใครบางคนที่ไม่พอใจกับการก้าวขึ้นมามีอำนาจของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์และความใกล้ชิดที่เพิ่มมากขึ้นของนายทักษิณกับกัมพูชาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายทักษิณเดินทางไปดูไบ มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วไทยว่าเขาอาจจะต้องลี้ภัยอีกครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาเผชิญคำตัดสินของศาลฎีกาในสัปดาห์นี้ ศาลสั่งให้จำคุกนายทักษิณเป็นเวลาหนึ่งปี โดยระบุว่าระยะเวลาที่เขาอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจในปี 2566 และ 2567 ไม่นับรวมระยะเวลาที่ถูกคุมขังในคดีทุจริตก่อนหน้านี้ การตัดสินใจกลับมารับโทษจำคุกของนายทักษิณอาจแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเล่นการเมืองแบบเสี่ยงๆ และคาดหวังว่าจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
หลังจากที่ Whale Hunting เริ่มรายงานข่าวนี้เมื่อสองปีก่อนนายยิม เลียก ได้ปิดบัญชีอินสตาแกรมของเขาลง โดยไม่มีใครทราบว่าเขาอยู่ที่ไหน สัปดาห์นี้ บริษัทของเขาอย่าง BIC Group ได้ปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ให้แสดงเพียงแค่นายยยิม ลีค และกรรมการอีกคนหนึ่ง ส่วนพลตำรวจเอกของไทยที่เคยบอกว่าให้คุ้มครองเมาเออร์เบอร์เกอร์ได้หายไปจากหน้าโปรไฟล์บริษัทแล้ว
ที่ปรึกษาคณะกรรมการ BIC Group อีกรายหนึ่งที่ถูกลบออกจากเว็บไซต์คือ นายวนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย และอดีตประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลใหม่ของไทยในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้คาดว่า แม้กระทั่งหลังจากนายทักษิณพ้นจากอำนาจแล้ว เครือข่ายลับนี้อาจยังได้รับการปกป้องอยู่
ส่วนนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังคงสืบสวนเครือข่ายของเขาต่อไป ซึ่งปัจจุบันไม่พบตัวเขาในกรุงเทพฯ ได้สักพักแล้ว และคาดว่าน่าจะอยู่ที่ดูไบหรือกัมพูชา ครั้งสุดท้ายที่พบเห็นเรือ “แวนเดอร์ลัสต์” คือบริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งตุรกี ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่กลุ่มผู้มีอิทธิพลชาวรัสเซียซ่อนเรือยอชต์สุดหรูของพวกเขา
เรียบเรียงจาก:https://whalehunting.projectbrazen.com/exposed-the-1-5b-money-laundering-network-behind-thailands-shinawatra-dynasty

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา