“…เส้นทางของ ‘จักรภพ’ ก่อนถึงเก้าอี้ ‘โฆษกรัฐบาลสมัยที่สอง’ ระหว่งทางอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เนื่องจากผลพวงของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) รัฐมนตรีต้อง มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้การแต่งตั้งรัฐมนตรีลุกลามไปถึงข้าราชการการเมืองเข้มข้นมากขึ้น…”
บนความเคลื่อนไหวของ ‘จักรภพ เพ็ญแข’ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร 1 รุกคืบเข้าใกล้ศูนย์กลางอำนาจ-ทำเนียบรัฐบาลทุกขณะ จนเกิดกระแสข่าวว่า จะมาทำหน้าที่แทน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ‘โฆษกรัฐบาลคนปัจจุบัน’ ตั้งแต่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ‘จักรภพ’ ออกมายอมรับกับสื่อหลายสำนักว่า “มีการทาบทาม” ให้ไปเป็น ‘โฆษกรัฐบาล’ จริง
“มีการทาบทาม แต่ยังไม่ได้มีการบอกว่าจะแต่งตั้งอะไรเมื่อไหร่ เรื่องกรอกประวัติ ยังไม่ได้กรอก แต่ว่า เรื่องการตรวจคดีความต่างๆที่คั่งค้างมีคนขอดู เพื่อให้เคลียร์ทั้งหมด เรียกว่าไปได้ครึ่งขั้นตอนมั้ง แต่แต่งตั้งเมื่อไหร่ไม่รู้”นายจักรภพให้สัมภาษณ์ PPTV พร้อมกับโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวและเขียนแคปชั่น ว่า
ในเวลาที่หลายคนคิดหวงเก้าอี้
เราต้องเปลี่ยนแนวความคิดเอาประเทศชาติบ้านเมืองให้รอดก่อน ลดความขัดแย้ง สร้างนโยบายที่เป็นประโยชน์สูงสุด
พูดง่าย ๆ คือคิดให้สูงกว่าตัวเอง
และอีกหลายๆ แคปชั่นในเวลาต่อมา เพื่อส่งสารไปถึง ‘เจ้าของไมค์คนปัจจุบัน’ ในตึกนารีสโมสร อาทิ
“ในขณะที่มรสุมกำลังกระหน่ำ จนเรือทำท่าว่าจะรั้งไว้ไม่อยู่ เราต่างต้องกระจายตัวกันและปฏิบัติการตามหน้าที่ให้ดีที่สุด นี่ไม่ใช่เวลาของการยึดเกาะหาที่กำบังส่วนตัวโดยไม่ยอมให้คนอื่นเข้ามาร่วมบริหารทรัพยากร ซึ่งก็เพื่อช่วยตัวเองให้รอดด้วยนั่นแหละ”
ล่าสุด ‘จักรภพ’ ส่งสัญญาแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เตรียมเอกสารกรอกประวัติ
โฆษกรัฐบาล คุณจักรภพ เพ็ญแข
ปริญญาตรี รัฐศาสตร์จุฬา
ปริญญาโท Johns Hopkins University.

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) พาไปสำรวจเส้นทางของ ‘จักรภพ’ ก่อนถึงเก้าอี้ ‘โฆษกรัฐบาลสมัยที่สอง’ ระหว่างทางอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เนื่องจากผลพวงของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) รัฐมนตรีต้อง มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้การแต่งตั้งรัฐมนตรีลุกลามไปถึงข้าราชการการเมืองเข้มข้นมากขึ้น
เพราะเอฟเฟกต์ของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว นอกจากนำมาใช้กับการแต่งตั้งรัฐมนตรีแล้ว ยังรวมถึง ‘ข้าราชการการเมือง’ ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งการเมืองหลังจากนั้นเป็นต้นมา จนทำให้ในช่วงแรกเกิดความล่าช้าในขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบประวัติ ก่อนนำเข้าสู่ครม.เป็นอย่างมาก
สำหรับแนวทางการเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 4 (8) – (20) (ตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาตรา 4 (13))
โดยที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบเป็นแนวทางฯ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ระบุว่า เพื่อให้การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองมีความถูกต้อง และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้ทุกส่วนราชการที่จะเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมืองดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะเสนอแต่งตั้ง โดยจะต้องดำเนินการรับรองคุณสมบัติตามแบบรับรองประวัติบุคคลประกอบการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 4 (8) – (20) จำนวน 14 ข้อ รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติจากหน่วยงาน 7 หน่วยงาน ได้แก่
1.สำนักงานศาลยุติธรรม
2.กรมบังคับคดี
3.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
4.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
5.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
6.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
7.สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ทั้งนี้ ให้เสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) พร้อมทั้งแนวเอกสารการตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติไปให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย เพื่อนำเสนอครม.ต่อไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ครม.มีมติเห็นชอบแนวทางการเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 4 (8)-(20) เพิ่มเติม โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีปรับปรุงแบบข้อมูลประกอบการเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง โดยการเพิ่มข้อความในข้อ 10 ว่า "ขอรับรองว่า ผู้ใดรับการเสนอแต่งตั้งเป็นผู้มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 9 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม"
สืบเนื่องจาก สำนักงานศาลยุติธรรมแจ้งว่า ในการสอบข้อมูลการดำเนินคดีของบุคคลนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมจะต้องมีหนังสือขอทราบข้อมูลดังกล่าวไปยังศาลทั่วราชอาณาจักรจำนวนรวมประมาณ 160 แห่ง เพื่อให้ศาลต่าง ๆ ตรวจสอบจากฐานข้อมูลของแต่ละศาล ซึ่งไม่อาจดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาที่ส่วนราชการร้องขอ
ประกอบกับทางปฏิบัติสำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเฉพาะกรณีบุคคลที่จะเข้าสู่ตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น สำนักงานศาลยุติธรรมจึงมีความเห็นว่า กรณีนี้อาจให้บุคคลดังกล่าวรับรองว่าตนเองไม่ถูกดำเนินคดีหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรม ซึ่งหากบุคคลดังกล่าวรับรองข้อมูลอันเป็นเท็จก็สามารถเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งแล้วดำเนินคดีกับบุคคลที่ให้ข้อมูลเท็จได้ต่อไป

เพื่อให้การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง ครบถ้วน คล่องตัว และเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมาตรฐานทางจริยธรรมของข้าราชการการเมือง
นอกจากมติครม.ดังกล่าว พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 9 กำหนดคุณสมบัติข้าราชการการเมือง ไว้ 9 ข้อ ดังนี้
1.มีสัญชาติไทย
2.อายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี
3.เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญด้วยความบริสุทธิ์ใจ
4.ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือมีจิตฟันเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
5.ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี
6.ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว (ในแบบกรอกประวัติ เพิ่ม ไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลาย / เคยเป็นบุคคลล้มละลายและปลดจากการล้มละลายแล้ว (ขอให้แนบประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เกี่ยวกับเรื่อง ปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลาย)
7.ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ (เพิ่ม เคยได้รับโทษจำคุกโดยพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา (โปรดระบุข้อหา ผลของคดี และขอให้แนบเอกสารหลักฐานด้วย)) / อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและชี้มูลการกระทำความผิดขององค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการ ป.ป.ช.)
8.ไม่เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก จากรัฐสาหกิจ
9.ไม่เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก เพราะกระทำผิดวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
ท่ามกลางสมรภูมินิติสงคราม ที่พรรคเพื่อไทยต้องเผชิญ-ผจญรอบทิศ ชื่อ ‘จักรภพ เพ็ญแข’ จะฝ่าสมรสุม-วงล้อม เงื่อนแง่กฎหมาย-กลเกมการเมืองได้หรือไม่ โปรดจับตาด้วยใจระทึก

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา